25 ก.ย. 2568 | 18:30 น.
“ถ้าเป็นไปได้ผมอยากที่จะจบ ม.6 แล้วหางานที่มั่นคงทำและเลี้ยงดูครอบครัวได้ก็เพียงพอแล้ว”
คือความฝันและเป้าหมายที่เรียบง่ายของ ‘อาทิตย์ - มีชัย แซ่ลี้’ หนึ่งในนักเรียนหลักสูตรทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ (ห้องเรียน KFC) ทว่าความฝันที่เรียบง่ายนี้ ในบางคราว สำหรับเด็กนักเรียนบางคนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ก็กลายเป็นสิ่งที่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง
จากมุมมองของ ‘ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ’ ที่ปรึกษากรรมการบริหาร กองทุนเพื่อความเสมอภาพทางการศึกษา (กสศ.) ปัญหาของระบบการศึกษาไทย คือการที่การศึกษาเข้าถึงคนกลุ่มบนมากกว่าคนกลุ่มล่างที่มีปัจจัยในชีวิตมากกว่า โดยเฉพาะการแบ่งเวลามาหาเลี้ยงครอบครัว หรือการขาดอุปกรณ์ทางการศึกษาจนทำให้นักเรียนบางคนหลุดออกจากระบบการศึกษาไป
จะเห็นได้ว่าในหลายครั้ง สถานะของนักเรียนก็ไม่สอดรับกับรูปแบบของการศึกษาภาคปกติ ด้วยเหตุนั้น ดร.สมพงษ์ จึงมองว่าการศึกษาที่ยืดหยุ่นได้ถือเป็นหนทางแก้ไขที่สำคัญ เพราะแต่ละคนก็สามารถที่จะขวนขวายเรียนรู้ในแบบของตัวเองได้ โดยไม่ต้องมีกำแพงใด ๆ มาขวางกั้นโอกาสในการใช้ชีวิตตามสิ่งที่ใฝ่ฝันเอาไว้
หากถามว่าการเรียนรู้นอกห้องเรียนจะมีประโยชน์อย่างไร ‘ปริมประภา สุวรรณพรม’ ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนปัญญากัลป์ อธิบายว่าการเรียนรู้นอกห้องเรียนจะมอบประสบการณ์ให้กับเด็กนักเรียนที่ไม่เพียงสามารถนำมาและหน่วยกิจได้ แต่ยังมีประสบการณ์ทำงานติดตัวเพื่อต่อยอดในอนาคต รวมไปถึงการรับผิดชอบในชีวิตตนเองผ่านการทำงานไปพร้อม ๆ กัน
ท้ายที่สุดนั้น สิ่งที่สำคัญของการศึกษา คือการเรียนรู้และนำเอาความรู้ที่ได้รับไม่นั้นไปต่อยอดกับชีวิตในอนาคต ไม่ว่าห้องเรียนในการไขว่คว้าความรู้เหล่านั้นอยู่ในรั้วของโรงเรียนหรือไม่ ด้วยความเชื่อจาก กสศ. ว่าทุกที่สามารถเป็นโรงเรียนได้
สามารถรับชมเรื่องราวของ น้องอาทิตย์กับหลักสูตรทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่าง กสศ. กับ KFC สร้างห้องเรียนนอกรั้วโรงเรียนเพื่อพิสูจน์ว่าการศึกษาที่เข้าถึงคนทุกกลุ่มอย่างยืดหยุ่นนั้น เป็นไปได้ รวมไปถึงการสะท้อนให้เห็นถึงพลังเมื่อภาคเอกชนยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาของประเทศ