04 พ.ย. 2568 | 11:56 น.

KEY
POINTS
ในวันที่คุณจนตรอก ชีวิตคุณมีทางเลือกมากแค่ไหน
นี่คือคำถามที่เกิดขึ้นหลังจากที่เราดู ‘No Other Choice’ ภาพยนตร์ฝีมือกำกับของ ‘พัคชานอุค’ ผู้กำกับระดับตำนานจากเกาหลีใต้ที่ถนัดการสะท้อนมุมมืดความเป็นมนุษย์ได้อย่างตรงไปตรงมา
สำหรับ No Other Choice พัคชานอุคเลือกใช้วลี ‘ไม่มีทางเลือก’ มาเป็นหัวใจของเรื่องและเป็นแรงขับที่ทำให้ตัวละครกล้าทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน
หนังมีกลิ่นคล้าย ๆ กับ Old Boy หนังชิ้นมาสเตอร์พีซของเขา มันไม่ได้มีบทพูดอะไรมากมาย แต่ใช้ภาพและสัญญะทุกอย่างเล่าแทนคำพูด
ทั้งกระดาษที่เป็นตัวแทนของยุคสมัย ต้นไม้ที่เป็นเหมือนตัวตนของ ‘ยูมันซู’ หรืออาการปวดฟันที่ไม่มีสาเหตุซึ่งไม่ต่างจากการกัดกินตัวตนของเขา
No Other Choice เป็นภาพยนตร์ความยาว 140 นาทีที่ชวนเราหาคำตอบว่า เมื่อระบบทุนนิยมผลักตัวเราชิดสุดกำแพง คุณจะเลือกทางไหน
คุณจะเลือกหยุด หรือ เลือกที่จะแลกทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตที่ ‘ปกติ’ เอาไว้
ย้อนกลับไป ชีวิตของยูมันซูไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาต่อสู้ดิ้นรนมาเกือบทั้งชีวิต ทำงานในฟาร์มจนได้เข้ามาทำงานในบริษัทกระดาษยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกา แต่งงาน มีลูก ทำให้ชีวิตเริ่มเข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบ
ครอบครัวแสนอบอุ่นในบ้านหลังใหญ่ มีเงินมาพอส่งลูกสาวที่มีพรสวรรค์ในการเล่นเชลโล่ และซื้อรองเท้าเต้นลีลาศให้กับภรรยาที่รัก
ในครอบครัว เขาไม่มีทางเลือกที่หยุดเป็นพ่อของลูกและสามีของภรรยาได้
ความหนักอึ้งทั้งหมด เขาอยากจะแบกรับไว้คนเดียว มันซูไม่อยากให้ครอบครัวของเขาต้องลบากเหมือนชีวิตตัวเองที่ผ่านมา
และเขาก็ไม่อยากทำลายชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่เขาอุตส่าห์สร้างมันมาทั้งชีวิต
แต่เขาก็ฝืนความจริงไม่ได้ อย่างแรกเขาต้องบอกครอบครัวและยอมรับความจริงว่า ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม
บ้านพ่อที่เขาอุตส่าห์ทำงานซื้อคืนมากำลังจะถูกขาย ลูกสาวจะไม่ได้เรียนเชลโล่เหมือนเดิม ภรรยาก็จะไม่ได้ไปเต้นลีลาศหรือตีเทนนิสอีกแล้ว ส่วนลูกชายเน็ตฟลิกซ์อีกต่อไป
ชีวิตมันต้องไปต่อ… การตกงานมันไม่ใช่สิ่งที่เขาเลือก
        
ทั้ง ๆ ที่สัญญากับทุกคนในครอบครัวว่าจะหางานใหม่ให้ได้ภายใน 3 เดือน แต่ผ่านไป 13 เดือน เขาก็ยังคงเป็นพนักงานยกกล่องอยู่ในโรงงานเหมือนเดิม
มีโอกาส มันซูไปสัมภาษณ์งาน แต่เขาก็รู้ตัวว่า ทำพลาด เขาจึง ‘ไม่มีทางเลือก’ ที่จะลดคู่แข่งด้วยวิธีการสุดพิสดาร คือ การเปิดรับสมัครงานแบบปลอม ๆ ผ่านทางไปรษณีย์ เพื่อดูข้อมูลผู้สมัคร แล้วค่อย ๆ ปลิดชีวิต ผู้เข้าสมัครคนเก่งออกไปทีละคน
เพื่อให้เขาเป็น ‘ผู้ถูกเลือก’ ขณะเดียวกันยังเป็นพ่อที่น่าภาคภูมิใจ และสามีที่สมบูรณ์แบบให้ภรรยา
หลังจากเปิดรับสมัครงานแบบปลอม ๆ เขาก็รู้ว่า โลกนี้ยังมีคนเก่งมากกว่าตัวเองถึง 3 คน
คนหนึ่งก็มีประสบการณ์มากมาย อีกคนก็เคยมีประสบการณ์ไปทำงานกับคนต่างชาติ และอีกคนก็อยู่ในตำแหน่งสูง ๆ ที่ใคร ๆ ก็ใฝ่ฝัน
แต่แทนที่มันซูจะกลับไปพัฒนาตัวเอง เขากลับเลือกกำจัดคู่แข่งทิ้งด้วยวิธีการต่าง ๆ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำและโหดร้ายกว่าที่ตัวเขาคิดไว้เสียอีก
ทั้งหมดมันเป็นเพราะเขาไม่มีทางเลือก
ถึงวิธีการมันจะดูรุนแรง แต่มันก็ไม่ผิดแปลก เพราะมันซูไม่มีทางเลือกจริง ๆ เขาได้เรียนรู้ว่า คนตกงานคนอื่นก็เจอปัญหาคล้าย ๆ กัน
ความรักในกระดาษ ความรักในงานที่ทำ ทุกคนมีภรรยาและลูกเหมือนกัน
        
มันยากสำหรับมันซูเหมือนกัน แต่ถ้าเขาไม่กำจัดคู่แข่ง อาการป่วยของลูกสาวก็ดูจะหนักขึ้น ภรรยาที่เคยรักกันก็อาจจะเทใจไปให้คนอื่น หรือลูกก็อาจจะใช้ชีวิตแบบผิดทาง
หรือแม้แต่คนที่อยู่ในตำแหน่งงานดี ๆ ก็เจอปัญหาเหมือนกัน งานที่กัดกินชีวิตเขาจนทำให้ต้องเลิกกับภรรยามานั่งเมาเหล้าคนเดียวอยู่ทุกคืน
“เหงื่อหนึ่งหยดแลกวิสกี้หนึ่งหยด” ชเวซอนชอล หัวหน้าพนักงานโรงงานกระดาษที่ใช้ชีวิตบอกกับมันซู
ก็จริง ชีวิตในโลกทุนนิยมมันขับเคลื่อนด้วยเงิน ภาพลักษณ์จอมปลอม และการยึดติดความมั่นคงที่ซ่ไร้คำนิยาม
ทุกคนต่างทำงานหนักกันสุด ๆ เพื่อแลกกับความสุขที่มอบให้กับตัวเองไม่กี่ชั่วโมงบนเส้นทางของตัวเองที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและไร้ทางเลือกไม่ต่างกัน
        
เมื่อโลกเปลี่ยน เราต้องวิ่งตามโลกให้ทัน
ครั้งหนึ่งยุคที่เกาหลีใต้ใช้เวลาเพียง 50 ปีกำลังเปลี่ยนตัวเองจากประเทศด้อยพัฒนาเป็นม้ามืดในโลกอุตสาหกรรม
ช่วงปี 1960-1970 เกาหลีใต้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำการส่งออก ค่า GDP ต่อหัวเพิ่มขึ้นจาก 100 เป็น 289 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ค่าแรงกลับขึ้นเพียงร้อยละ 58 คนงานถูกพร่ำบอกให้ทุ่มเทเพื่อบริษัท หลายคนทำงานบริษัมมาเกือบครึ่งชีวิต แต่ความภักดีถูกตอบแทนด้วยการบังคับเกษียณในวัย 50 ปี
ยิ่งในยุคปัจจุบันที่ ai เข้ามามีอิทธิพลในชีวิต ข้อมูลจากสถาบันเศรษฐกิจและการค้าอุตสาหกรรมแห่งเกาหลี (KIET) เดือนมีนาคม 2025 ระบุว่า จำนวนตำแหน่งงานในเกาหลีที่อาจถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี AI มีมากถึง 3.27 ล้านตำแหน่ง หรือคิดเป็น 13.1% ของงานทั้งหมดในประเทศ
‘กระดาษ’ ที่มันซูรักสุดใจ คือ ภาพสะท้อนที่ชัดเจนที่สุดว่า โลกมันได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ คนใช้กระดาษน้อยลง บริษัทก็ไม่มีทางเลือก นอกจากให้เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่และลดคนทำงานลง
แทนที่จะให้ ‘คน’ เป็นแรงงาน ให้เครื่องจักรทำงาน แล้วจ้างคนมาคุมมันอีกที คงจะดูคุ้มค่ามากกว่าในมุมองค์กร
คนแบบมันซูจึงถูกทิ้งไว้กลางทาง
        
แต่คงเหมือนที่มันซูพูด เราปฏิเสธยุคสมัยไม่ได้ โลกยังคงเดินต่อไป ถ้าเราปฏิเสธมันไม่ได้ เราก็แค่ต้องอยู่กับมัน
อยู่อย่างไม่ลืมอดีตว่า ความสำเร็จและความสุขที่ได้มาแลกมาด้วยชีวิตของใครบางคน ความรู้สึกของใครบางคน และอะไร ๆ ที่อาจไม่เหมือนเดิม
มันซู คือ ตัวแทนของมนุษย์คนหนึ่งที่ ‘ไม่มีทางเลือก’ ถูกระบบผลักจนสุดขอบ ในโลกที่ทุกอย่างวัดกันด้วยประสิทธิภาพ ความสามารถ และตัวเลขในบัญชี คนที่พลาดเพียงก้าวเดียวก็อาจถูกผลักให้ตกจากกระดานได้
ในโลกที่ไม่เคยหยุดเดิน และถูกระบบผลักจนสุดขอบ No Other Choice ทำให้คำว่า ‘ไม่มีทางเลือก’ กลายเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น
และเป็นข้ออ้างที่เราพอจะให้อภัยได้ว่า ทำไมมันซูถึงตัดสินใจกำจัดคู่แข่งด้วยวิธีการแบบนั้น
เพราะในโลกทุนนิยมที่วัดกันด้วยความสามารถ ภาพลักษณ์ หรือแม้แต่ตัวเลขในบัญชี แค่พลาดเพียงก้าวเดียว ชีวิตก็อาจเปลี่ยนไปตลอดกาล
แต่บางที ‘ทางเลือก’ มันก็ยังมีอยู่เสมอ เพียงแต่อยู่ในมุมที่เรามองข้ามไป
สุดท้ายแล้ว ‘ไม่มีทางเลือก’ อาจไม่ใช่คำตัดพ้อ หากแต่เป็นคำเตือนว่า ทุกการตัดสินใจเล็ก ๆ ของเรานั่นแหละ คือทางเลือกที่แท้จริง 
 
ภาพ : No Other Choice
อ้างอิง
AI reshapes job market landscape, poses threat to professionals / The Korea Times
มหัศจรรย์เกาหลี: จากเถ้าถ่านสู่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม