01 มิ.ย. 2568 | 08:57 น.
KEY
POINTS
การประกวดมิสเวิลด์ 2025 ณ ประเทศอินเดีย ในช่วงค่ำคืนที่ 31 พฤษภาคม 2568 ได้จบลงแล้วอย่างงดงามพร้อมกับเสียงเฮของแฟนนางงามชาวไทย เมื่อ ‘โอปอล’ สุชาตา ช่วงศรี สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์แรกมาครอบครองได้สำเร็จ
บทความนี้จะพาผู้อ่านไปรู้จักกับเส้นทางสู่ความสำเร็จนี้ของเธอที่เดิมพันสูงเกินจะประเมินค่า
อย่างที่หลายคนทราบกัน โอปอลไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการนางงาม เธอคือมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 และรองอันดับสาม มิสยูนิเวิร์ส 2024 ซึ่งทุกคนเชื่อว่านั่นคือตำแหน่งสูงสุดบนเส้นทางนางงามของโอปอลแล้ว
แต่หลังจากที่มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์มีการเปลี่ยนผู้ถือลิขสิทธิ์ จาก TPN สู่บริษัทมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ภายใต้การดูแลของคุณ ‘ณวัตน์ อิสรไกรศีล’ TPN จึงต้องพยายามหาเวทีที่ยิ่งใหญ่พอ ๆ กับเวทีเดิมที่ตนเคยถือ TPN จึงเลือกการประกวดมิสเวิลด์ ซึ่งเป็นการร่วมงานกับ Tero Entertainment
ความท้าทายที่ตามมาก็คือ TPN ร่วมกับ Tero Entertainment เหลือเวลาน้อยมากที่จะเฟ้นหาตัวแทนไปประกวดมิสเวิลด์
ช่วงนั้น แฟนนางงามหลายคนตั้งสมมุติฐานว่ากองประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์อาจจะส่งนางงามที่ได้รางวัลรองชนะเลิศจากปีก่อนไปประกวด หรืออาจจะเลือกจากผู้ชนะเวทีอื่นที่ TPN ถือลิขสิทธิ์อยู่ หรือบางคนเชียร์ให้ TPN เลือกโอปอลที่ยังคงติดสัญญาอยู่กับ TPN ในฐานะมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 กลับไปแก้มือบนเวทีใหญ่ระดับโลกอีกครั้ง แต่ความคิดหลังนี้ก็ดูจะเป็นไปได้ยากด้วยความเสี่ยงหลายประการ
.
เหตุผลแรกคือ เวทีมิสเวิลด์เป็นเวทีที่ถือว่าหินมากสำหรับตัวแทนสาวไทย ในอดีตที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีสาวไทยคนไหนเลยที่สามารถคว้ามงกุฎมาครอบครองได้ แถมโอกาสที่จะเข้ารอบก็น้อยมาก ผลงานที่ดีที่สุดที่เราเคยทำได้ คือรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งจาก ‘นิโคลีน ลิมศนุกาญจน์’ ในการประกวดมิสเวิลด์ 2018 ทำให้หลายคนมองว่านี่อาจจะเป็นเรื่องไม่คุ้มเสี่ยงสำหรับโอปอลที่จะเอารางวัลรองชนะเลิศของมิสยูนิเวิร์สมาทิ้งเปล่า
เหตุผลที่สองคือโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก หรือเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเลยที่มิสเวิลด์จะเลือกนางงามรองฯ จากเวทีอื่นให้มามงฯ เวทีตน ดูได้จากผลการตัดสินในปีก่อน ๆ
เหตุผลที่สาม ว่ากันว่าเกณฑ์การตัดสินบนเวทีมิสเวิลด์ค่อนข้างเป็นไปตามความชอบส่วนตัวของเจ้าของเวที ‘จูเลีย มอร์ลีย์’ (แฟน ๆ นางงามเรียกว่า ‘ป้าจู’) อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในอดีต ประเทศส่วนมากที่จะเข้ารอบนั้นมักจะมีความสัมพันธ์อันดีกับสหราชอาณาจักร ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และแน่นอนว่าประเทศไทยของเราแทบจะไม่อยู่ในสายตา
เหตุผลที่สี่ เป็นที่รู้กันดีว่าเจ้าของเวทีมักชอบนางงามที่ร้องเพลงไพเราะเป็นพิเศษ ซึ่งโอปอลเองก็มีความสามารถในด้านนี้ แต่อาจไม่ใช่ทางที่เธอถนัดและโดดเด่นที่สุด
เหตุผลข้อที่ห้า โอปอลไม่ได้ผ่านการประกวดภายในประเทศไทย แต่เป็นการแต่งตั้งตำแหน่งขึ้น ซึ่งในแง่นี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่ากองแม่อาจจะให้ความสนใจนางงามที่มาจากการชนะเลิศการประกวดในบ้านมากกว่า ฯลฯ
แม้ความเสี่ยงจะมากมายตามที่ได้กล่าวมา แต่ TPN ก็ยังมั่นใจเลือกให้โอปอลเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการสู้ศึกชิงมงฯ ครั้งนี้ ถือเป็นเซอร์ไพร์สครั้งใหญ่มากสำหรับแฟน ๆ นางงามที่จะได้เห็นโอปอลบนเวทีใหญ่ระดับโลกอีกครั้ง
แต่ไม่นาน ความชื่นมื่นก็ถูกสั่นคลอนลงเมื่อองค์กรมิสยูนิเวิร์ส (ภายใต้ทีมผู้บริหารใหม่โดยมี ‘คุณณวัตน์’ ผู้ถือหุ้น JKN อันดับที่สองและเข้าผูกพันตำแหน่งเจ้าของมิสยูนิเวิร์สไปโดยปริยาย) ได้ประกาศปลดโอปอลจากตำแหน่งรางวัลรองชนะเลิศของเธอ ทั้งที่จริงแล้ว เธอไม่ได้รับมงกุฎ สายสะพาย ไม่เคยมีการเรียกใช้งาน หรือไม่มีแม้แต่เงินรางวัลเลยด้วยซ้ำ
โอปอลให้สัมภาษณ์ว่า การประกวดในค่ำคืนนั้นจบลงแล้ว ผลการประกวดก็เป็นไปตามนั้น อย่างไรก็ตาม เธอเคารพการตัดสินใจขององค์กรมิสยูนิเวิร์ส และพร้อมเดินหน้าชิงมงฟ้ามงแรกมาให้คนไทยให้ได้
ด้วยเวลาอันกระชั้นชิด โอปอลจึงมีเวลาเตรียมตัวไม่มาก แต่ก่อนออกเดินทาง โอปอลแสดงความมั่นใจและความพร้อมอย่างเห็นได้ชัดจากการให้สัมภาษณ์ สีหน้า แววตา ทำให้แฟนนางงามทุกคนเทแรงเชียร์ให้เธออีกครั้ง
แรงสนับสนุนโอปอลแบบมหาศาลทั้งจากแฟน ๆ นางงามชาวไทยและทั่วโลก บวกกับโครงการ ‘Opal for Her’ ที่โอปอลรณรงค์ให้ความรู้ผู้หญิงถึงเรื่องมะเร็งเต้านมโดยมีแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ตรงของเธอที่เคยป่วยเป็นโรคนั้น ทำให้โอปอลได้รับความสนใจเป็นอย่างมากและกลายเป็นหนึ่งในสาวงามที่ถูกจับตามองมากที่สุดของการประกวด
หลายคนเก็งว่าโอปอลจะต้องคว้าชัยชนะในรอบการแข่งขัน Head to Head Challenge หรือรอบการแข่งขันพูดในที่สาธารณะเพื่อนำเสนอโครงการเพื่อสังคมของสาวงามแต่ละคน แต่โอปอลกลับไม่สามารถคว้าชัยชนะในกลุ่มประเทศเอเชียได้ ทำให้แฟนนางงามชาวไทยใจฝ่อไปตาม ๆ กัน
อย่างไรก็ตาม กระแสของโอปอลกลับมาแรงอีกครั้งในการแข่งขันรอบ Multimedia Challenge ซึ่งจะวัดจากการโหวตจากแฟนนางงามทั่วโลก กลายเป็นวาระแห่งชาติไทยอีกครั้งที่เหล่าบรรดาคนดังหรือสื่อฯ ช่วยกันโพสต์ให้คนไทยโหวตให้โอปอล จนโอปอสามารถคว้ารางวัลนั้นมาได้ เธอได้สิทธิ์ผ่านเข้ารอบ 40 คนไปโดยอัตโนมัติ แฟนนางงามไทยจึงกลับมาฮึดสู้อีกครั้งในช่วงโค้งสุดท้าย
จนกระทั่งถึงวันประกวดจริง โอปอลปรากฏตัวได้ชุดราตรีสวยสง่า ท่าทางมั่นใจแต่ยังอ่อนหวาน และทำผลงานที่ดีในทุก ๆ รอบ จนผ่านทะลุเข้าไปรอบสี่คนสุดท้าย ได้รับรางวัลควีนทวีปเอเชีย
ในรอบตอบคำถาม เธอได้รับคำถามว่า “การเดินทางครั้งนี้สอนคุณอย่างไรเกี่ยวกับความจริง และความรับผิดชอบส่วนบุคคลในการกำหนดเรื่องราวต่าง ๆ ที่สื่อออกไป”
นี่คือคำตอบที่ทำให้เธอคว้าใจกรรมการและผู้ชมได้สำเร็จ
“การได้มายืนอยู่ตรงนี้ ถือเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของดิฉัน หนึ่งสิ่งที่ดิฉันได้เรียนรู้จากการอยู่บนเวทีมิสเวิลด์คือ ความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราแสดงออกและคนอื่นรับรู้ถึงมันอย่างไร และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ดิฉัน ผู้เข้าประกวดทุก ๆ คน รวมถึงทุกคนในห้องนี้สามารถทำได้ คือการเป็นบุคคลต้นแบบที่คนรอบตัวสามารถยึดถือเป็นแบบอย่างได้ ดิฉันเชื่อมาเสมอว่าไม่ว่าเราเป็นใคร อายุเท่าไหร่ หรือมีบทบาทหรือหน้าที่ใดในชีวิต จะต้องมีใครสักคนหนึ่งที่มองมาที่เรา อาจเป็นเด็กเล็ก คนรอบตัว หรือแม้แต่พ่อแม่ของเราเอง และวิธีที่ดีที่สุดที่จะนำทางคนเหล่านั้น นั่นก็คือ การเป็นผู้นำผ่านความอ่อนโยนและการกระทำของเราเองเพราะการกระทำของเรานั้น เสียงดังกว่าคำพูดเสมอ นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถมอบให้กับคนรอบข้าง และกับโลกใบนี้ ขอบคุณมากค่ะ ขอให้ทุกคนโชคดี และอย่าลืมว่า จงมั่นคง และใช้การกระทำเป็นเสียงที่ดังกว่าคำพูด”
โอปอลก้าวข้ามผ่านทุกความท้าทายและความเป็นไปไม่ได้ ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่นี้ไม่ใช่แค่เรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอ แต่มันคือประวัติศาสตร์ของวงการนางงามไทยเพราะนี่คือมงกุฎมิสเวิร์ลแรกของเราหลังจากที่รอคอยมาอย่างยาวนานถึง 72 ปี
มีอีกมุมที่น่าสนใจไม่แพ้กัน มงฟ้าที่โอปอลได้รับจะทำให้การแข่งขันกันของอุตสาหกรรมนางงาม โดยเฉพาะในประเทศไทยจะยิ่งเข้มข้นขึ้นอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้ว การประกวดตามขนบแบบมิสเวิลด์ที่อิงอุดมคติเป็นหลัก หรือรูปแบบที่เน้นแนวทางธุรกิจแบบมิสยูนิเวิร์สและมิสแกรนด์ฯ เวทีใดจะครองใจผู้ชมได้มากกว่ากัน
เรื่อง: ณัฐ วิไลลักษณ์
ภาพ: www.missworld.com