19 มิ.ย. 2568 | 15:00 น.
KEY
POINTS
ถ้าคุณเป็นคนไทยที่เคยเฝ้าดูฟุตบอลอังกฤษในยุคปลาย 90s คุณอาจจำได้ว่า การดูบอลไม่ใช่แค่เรื่องของ ‘ใจ’ แต่มันคือเรื่องของต้นทุน ช่องทาง และชนชั้น ทางภาพจำบางคนมีสายเคเบิลเจ้าดังในยุคนั้นจึงได้ดูสดครบทุกคู่ บางคนต้องไปหาร้านข้าวต้มหน้าปากซอย หวังพึ่งจอทีวีตัวใหญ่ บางคนเปิด FM99 สปอตเรดิโอ ฟังพากย์แบบไร้ภาพ และสุดท้ายบางคนได้ดูผ่านเทปบันทึกช่องฟรีทีวี ในวันที่รู้ผลแล้วแต่ก็ยังตื่นเต้นเหมือนเดิม
ทั้งหมดนี้คือ “ราคาที่คนไทยจ่าย” เพื่ออยู่ร่วมในโมเมนต์หนึ่งของ ‘ฟุตบอลอังกฤษ’
.
ในค่ำคืนนั้น ‘ไรอัน กิกส์’ หลุดเดี่ยวจากครึ่งสนาม หลบสี่คน ก่อนจะกดตูมเดียวเสยหน้า ‘เดวิด ซีแมน’ ลูกยิงนี้ส่ง ‘แมนฯ ยูไนเต็ด’ เข้าชิง ‘FA Cup’ และกลายเป็นประตูต้นทางของ ‘เทรเบิลแชมป์’ ที่แม้แต่ ‘อาร์แซน เวนเกอร์’ ยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อนึกถึงมัน ลูกยิงนี้ได้รับการยกย่องจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษว่า เป็น “หนึ่งในประตูที่ดีที่สุดตลอดกาลของ FA Cup” กลายประตูที่มี ‘มูลค่า’ ทางกีฬา ทางแบรนด์ ทางวาทกรรม และทางความรู้สึกของคนนับล้าน ที่ยังอยู่กับภาพนั้นแม้เวลาจะผ่านไปกว่าสองทศวรรษ
ค่ำคืนวันที่ 14 เมษายน ปี 1999 ที่วิลล่า พาร์ก ในเกมรีเพลย์ FA Cup รอบรองชนะเลิศระหว่าง ‘แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ กับ ‘อาร์เซน่อล’ ไม่ได้เกิดแค่ประตูที่พาทีมเข้าชิง แต่มันคือวินาทีที่มูลค่าของสโมสรทั้งหมดถูกเขียนขึ้นใหม่ ด้วยเท้าซ้ายของ ‘ไรอัน กิกส์’
ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ยูไนเต็ดเหลือ 10 คน หลัง ‘รอย คีน’ โดนใบแดง และเพิ่งรอดตายจากจุดโทษของ ‘เดนนิส เบิร์กแคมป์’ ก่อนที่กิกส์จะฉีกแนวรับของอาร์เซน่อลจนขาดวิ่น หลบ ‘ลี ดิกซัน’ หลบ ‘โทนี่ อดัมส์’ และอีกสองคน แล้วซัดด้วยซ้ายผ่าน ‘เดวิด ซีแมน’ อย่างเหลือเชื่อ
“ทุกอย่างเป็นสัญชาตญาณล้วน ๆ ไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลย แค่วิ่งไปกับบอลและพยายามเลี้ยงผ่านคนที่อยู่ตรงหน้า ก็ต้องยิงเลย ตอนนั้น ‘สโคลส์’ ก็อยู่ในเขตโทษเหมือนกัน เขาตะโกนบอกให้ผมจ่ายเข้ากลาง แต่ผมไม่เห็นเขาด้วยซ้ำ มันเป็นแค่สัญชาตญาณ ปกติผมจะเห็นเพื่อนที่ว่างในเขตโทษนะ แต่ครั้งนั้นผมคิดแค่ว่า ขอเถอะ”
ไรอัน กิกส์ ให้สัมภาษณ์ Sky Sports ย้อนไปถึงเหตุการณ์เกือบ 20 กว่าปีที่ผ่านมา
ประตูลูกนั้นไม่ได้แค่ส่งยูไนเต็ดเข้าชิง FA Cup และคว้าแชมป์ในเวลาต่อมา แต่ยังกลายเป็นจุดเปลี่ยนของฤดูกาล ที่ผลักดันให้ทีมไปถึงฝัน ปิดฤดูกาลด้วยการคว้าเทรเบิลแชมป์ และกลายเป็นทีมจากอังกฤษทีมแรกที่ทำได้ มันไม่ใช่แค่ลูกยิง แต่คือโมเมนต์ที่สะสมพลังแบรนด์ สร้างภาพจำ และจุดประกายเส้นทางแห่งมูลค่าใหม่ทั้งในสนามและนอกสนามให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอีกนานนับทศวรรษ
ในโลกฟุตบอลที่ขับเคลื่อนด้วยแบรนด์ไม่แพ้ฟอร์มการเล่น ประตูของไรอัน กิกส์ในค่ำคืน FA Cup ปี 1999 คือจุดเร่งที่ผลักให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พุ่งทะยานจากสโมสรฟุตบอล สู่การเป็น ‘Global Brand’ อย่างแท้จริง ในปี 1999 มูลค่าทางการตลาดของแมนฯ ยูไนเต็ด ตามการประเมินของ ‘Forbes’ ยังอยู่ที่ประมาณ 625 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่หลังคว้าเทรเบิล มูลค่าของสโมสรพุ่งทะยานเข้าสู่ระดับพันล้านในต้นยุค 2000s รายได้จากการขายของที่ระลึก ทัวร์พรีซีซั่น และการขยายฐานแฟนบอลในเอเชียเติบโตแบบก้าวกระโดดทั้งหมดนี้ได้แรงเหวี่ยจากความสำเร็จในฤดูกาลนั้น
แม้ปัจจุบันในผลงานสนามจะสะเปะสะปะกว่าตำนานปี 1999 อยู่หลายขุม แต่ในโลกธุรกิจ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังยืนหนึ่งในฐานะแบรนด์ฟุตบอลที่ขายได้เสมอ ล่าสุด Forbes ประเมินมูลค่าสโมสรไว้ที่ 6.6 พันล้านดอลลาร์ สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ส่วน ‘Deloitte’ จัดให้พวกเขาทำรายได้ต่อปีทะลุ 834 ล้านดอลลาร์ ในฤดูกาล 2023–24 ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากฟอร์มในลีก หากแต่เกิดจากสิ่งที่เรียกว่า ‘ทุนทางแบรนด์’ ที่สะสมมาตั้งแต่ยุค ‘กิ๊กส์-เบ็คแฮม-เฟอร์กูสัน’ ด้วยฐานแฟนบอลระดับจักรวาล, สปอนเซอร์อย่าง ‘Snapdragon’ ที่กล้าทุ่ม 60 ล้านปอนด์ต่อปี และลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่ยังแข็งแรง
แมนฯ ยูไนเต็ด จึงยังเป็นสินค้าที่ตลาดโลกต้องการ แม้ราคาหุ้นจะผันผวนตามชื่อผู้ถือครอง (ระหว่างเกลเซอร์กับ INEOS) แต่ตรา ‘ปีศาจแดง’ ก็ยังเป็นเครื่องหมายการค้าที่ฝังลึกในใจแฟนบอล ยิ่งในโลกที่ฟุตบอลไม่ใช่แค่กีฬา แต่คือวัฒนธรรมและทุนทางอารมณ์ ยูไนเต็ดก็ยังขายได้ เพราะมันขายความฝันอยู่ทุกฤดูกาล
ฟุตบอลอังกฤษ ไม่ได้เป็นแค่ลีกฟุตบอล แต่มันคือ ‘จักรวาลลูกหนัง’ ที่หมุนเงินระดับประเทศ เป็นอุตสาหกรรมบันเทิงที่มีผู้ชมหลายร้อยล้านคนรอดูทุกสุดสัปดาห์ แค่ค่าตัวนักเตะรวมกันทั้ง 20 สโมสรในฤดูกาล 2025 ก็ทะลุกว่า 9.7 พันล้านปอนด์ และแต่ละนัดที่เตะกัน ไม่ได้สะเทือนแค่ในสนามแต่มันสะเทือนไปถึงยอดขายเสื้อ รายได้จากสปอนเซอร์ ไปจนถึงอารมณ์ของแฟนบอลทั่วโลก
ขณะที่โลกหมุนไปข้างหน้า พรีเมียร์ลีกก็ก้าวตามด้วยลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในประเทศที่เพิ่งเซ็นใหม่ถึง 6.7 พันล้านปอนด์ สำหรับ 4 ปีถัดไป (2025–2029) ยังไม่นับรายได้จากต่างประเทศอีกร่วม 5.6 พันล้านปอนด์ รวมแล้วนี่คือลีกที่สร้างรายได้กว่า 1.3 หมื่นล้านปอนด์ ส่งสัญญาณถ่ายทอดสดไปถึง 212 ประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย ทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจระดับโลก ที่ชื่อว่า ‘พรีเมียร์ลีก’
และในฤดูกาล 2025/26 ที่กำลังจะมาถึงนี้ พรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพจะย้ายบ้านใหม่ครั้งใหญ่ในประเทศไทย ลาว และกัมพูชา ภายใต้สิทธิ์ถ่ายทอดสดแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ ‘จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS)’ คว้ามาครองยาวถึง 6 ฤดูกาลเต็ม ร่วมกับพันธมิตรอย่าง ‘โมโน เน็กซ์ (MONO)’ และ ‘AIS’ เพื่อเปลี่ยนการดูบอลจากกิจกรรมเดิม ๆ ให้กลายเป็นประสบการณ์ใหม่ระดับดิจิทัล ด้วยแพลตฟอร์ม MONOMAX และ AIS PLAY ที่พร้อมถ่ายทอดสดครบทุกแมตช์ของพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ ทั้งแบบสด ย้อนหลัง และคมชัดระดับ Full HD นี่คือยุคที่การดูบอลอังกฤษไม่ใช่แค่จ่ายเพื่อดู แต่คือการเลือก ‘บ้านหลังใหม่ของแฟนบอล’ ด้วยตัวเอง
ราคาก็ชวนจับต้อง MONOMAX เปิดแพ็กเกจดูบอลรายเดือน 299 บาท หรือรายปี 2,999 บาท แต่ถ้าคุณเป็นลูกค้า AIS ทั้งมือถือหรือเน็ตบ้าน คุณจะได้ราคาพิเศษสุด 199 บาทต่อเดือน หรือเพียง 1,999 บาทต่อปี พร้อมสิทธิ์ดูฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ล่วงหน้าถึง 51 แมตช์ทันทีตั้งแต่ 18 มิถุนายนนี้
นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่คนไทยจะได้ดูพรีเมียร์ลีกแบบถูกลิขสิทธิ์ แต่นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่การชมฟุตบอลอังกฤษกลายเป็นประสบการณ์ที่สมน้ำสมเนื้อที่สุด ทั้งในแง่ของราคา ความคมชัด และการเข้าถึงไม่ต่างอะไรจากประตูในความทรงจำของ ‘ไรอัน กิกส์’ ที่เขาไม่ได้ยิงในนัดชิงยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ไม่ได้เป็นดาวซัลโวของทีม แต่เขาคือคนที่ยิง ‘ประตูเปลี่ยนชะตา’ ทั้งฤดูกาล และเปลี่ยนสถานะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้กลายเป็นตำนาน
ใครที่เติบโตมากับการแย่งรีโมตคืนวันเสาร์ เพื่อหวังจะได้ดู ‘แมนยู’ เจอ ‘ลิเวอร์พูล’ หรือ ‘อาร์เซน่อล’ เจอ ‘เชลซี’ วันนี้ถึงเวลาที่คุณจะเปลี่ยนพฤติกรรมมาอยู่กับหน้าจอที่คุณเลือกได้เองในมือ
เพราะตั้งแต่ 16 สิงหาคมนี้ ศึกลูกหนังที่ทั้งโลกจับตามองพรีเมียร์ลีก และ FA Cup จะกลับมาทวงคืนพื้นที่ในหัวใจแฟนบอลไทยอีกครั้ง บนบ้านใหม่ที่ทั้งพร้อม คมชัด ครบทุกแมตช์ และราคาดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหลักที่คุณจะดู เพราะสำหรับแฟนบอลตัวจริง คุณรู้อยู่แล้วมันคุ้มเสมอ โดยเฉพาะกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ฟุตบอล’
เรื่อง: stoppollution
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง:
Taylor, Daniel. “Arsène Wenger Still Haunted by Ryan Giggs’ FA Cup Goal for Manchester United.” The Guardian, 7 Mar. 2015, https://www.theguardian.com/football/2015/mar/07/arsenal-arsene-wenger-haunted-ryan-giggs-fa-cup-goal. Accessed 19 June 2025.
“Ryan Giggs Reflects on His Brilliant Solo Goal in Manchester United’s Treble-Winning Season.” RyanGiggs.cc, https://www.ryangiggs.cc/news/manchester-united/ryan-giggs-reflects-his-brilliant-solo-goal-manchester-uniteds-treble-winning. Accessed 19 June 2025.
“Premier League Market Value Changes.” Transfermarkt, https://www.transfermarkt.us/premier-league/marktwertaenderungen/wettbewerb/GB1. Accessed 19 June 2025.
“Manchester United.”
Forbes, https://www.forbes.com/teams/manchester-united/. Accessed 19 June 2025.
“Deloitte Football Money League.” Deloitte United Kingdom, https://www.deloitte.com/uk/en/services/consulting-financial/analysis/deloitte-football-money-league.html. Accessed 19 June 2025.
Gibson, Owen. “Real Madrid Become First Football Club to Generate More Than €1bn in Revenue.” The Guardian, 23 Jan. 2025, https://www.theguardian.com/football/2025/jan/23/real-madrid-become-first-football-club-to-generate-more-than-1bn-in-revenue. Accessed 19 June 2025.
“Forbes Rank Manchester United Second Most Valuable Football Club at £4.8 Billion Despite Abysmal Season.” FourFourTwo, https://www.fourfourtwo.com/news/forbes-rank-manchester-united-second-most-valuable-football-club-at-gbp4-8-billion-despite-abysmal-season. Accessed 19 June 2025.