‘เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ’ หนุ่มที่ชีวิตเปลี่ยนในรอบเดือน ก้าวสู่นักเตะค่าตัวแพงสุดในอังกฤษ

‘เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ’ หนุ่มที่ชีวิตเปลี่ยนในรอบเดือน ก้าวสู่นักเตะค่าตัวแพงสุดในอังกฤษ

‘เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ’ แข้งหนุ่มตัวสำรอง บิดาเป็นช่างทาสี มารดาทำงานทำความสะอาด ชีวิตของเขาเปลี่ยนในรอบเดือน จากคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ก้าวมาสู่นักเตะค่าตัวแพงสุดในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

  • ‘เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ’ นักเตะหนุ่มตัวสำรองคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกกับอาร์เจนติน่า พร้อมคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์
  • กองกลางอาร์เจนไตน์ชีวิตเปลี่ยนแปลงในรอบเดือน

เขารับบอลจาก ลิโอเนล เมสซี่ จากลูกเตะมุมสั้น ก่อนพาลูกหนังกลม ๆ นั้นเข้าเขตโทษ โดยที่แนวรับเม็กซิโกไม่ทันตั้งตัวว่า ไอ้หนูตัวสำรองอาร์เจนติน่ารายนี้จะทำอะไร ก่อนที่กองกลางหมายเลข 24 จะโยกหลอกผู้เล่นจังโก้ ปั่นบอลด้วยขวาเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงาม

ประตูที่ ‘เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ’ (Enzo Fernández) ซัลโวใส่เม็กซิโก ในเกมกลุ่มซี นัดที่ 2 รอบแรก ฟุตบอลโลก 2022 นับเป็นประตูที่เปลี่ยนชีวิตของไอ้หนุ่มจากซาน มาร์ตินไปตลอดกาล เพราะหลังจากแมตช์นั้น เอ็นโซ่ ยึดตำแหน่งตัวจริงในทีม จนเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่พาทีมชาติอาร์เจนติน่าครองบัลลังก์แชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ได้สำเร็จ พร้อมกับปิดฉากทัวร์นาเมนต์ด้วยรางวัล ‘นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยม’ ไปนอนกอดอีกหนึ่งโทรฟี่

 

จากฟุตบอลโลก โยกสู่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

นับจากที่ เอ็นโซ่ ได้รับตำแหน่งดาวรุ่งยอดเยี่ยมฟุตบอลโลก เป็นเวลา 44 วันเท่านั้นที่พลิกชีวิตเขาไปตลอดกาล จากผู้เล่นโนเนมยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพิ่งเล่นในยุโรปได้เพียงแค่ครึ่งซีซั่น กลายเป็นนักเตะค่าตัวเป็นสถิติของเกาะอังกฤษ หลังจากเชลซี เจ้าบุญทุ่มแห่งพรีเมียร์ลีก ตัดสินใจเทงบมหาศาล 107 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 4,300 ล้านบาท กระชากตัวเขามาจากเบนฟิก้า ต้นสังกัดเดิมในลีกโปรตุเกส

ไอ้หนูวัย 22 ปีทำสัญญากับ ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ ยาวเป็นเวลา 8 ปีครึ่งไปจนถึงเดือนมิถุนายนปี 2031

จริง ๆ แล้ว ‘สิงห์บลู’ มีความพยายามจะคว้าตัวเอ็นโซ่ มาพักใหญ่ หลังจากโชว์ฟอร์มเด่นในเวิลด์คัพ แต่การเจรจากับทีม ‘ดิ อีเกิ้ลส์’ ไม่ลงตัว อีกทั้ง โรเจอร์ ชมิดท์ ผู้จัดการทีมยังต้องการจะเก็บดาวรุ่งรายนี้ไว้กับทีมต่อเพื่อลุ้นแชมป์ลีก และไปต่อในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จนความหวังในการย้ายทีมแทบริบหรี่ ตัวนักเตะเองก็แสดงออกด้วยท่าทีว่าจะอยู่กับสโมสรต่อไป แต่ด้วยความพยายามที่ไม่ลดละของ ท็อดด์ โบห์ลี่ ประธานสโมสร และเบห์ดาด เอ็กห์บาลี่ เจ้าของร่วมเชลซี ทำให้ดีลนี้สำเร็จในวันเดดไลน์ของตลาดนักเตะยุโรป

หลังเปิดตัวด้วยการสวมเสื้อสีน้ำเงินครามหมายเลข 5 ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เอ็นโซ่ ยิ้มแฉ่ง เพราะความไม่แน่นอนในสถานการณ์ได้จบลง เขาจะได้มีสมาธิกับเกมในสนามอย่างเต็มที่เสียที

“ผมรู้สึกขอบคุณเชลซีและเจ้าของทีมที่ทำทุกอย่าง ที่ทำให้ผมเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์นี้”

“ผมมีความสุข และตื่นเต้นที่ได้ร่วมกับสโมสรที่เป็นความภาคภูมิใจของลอนดอน เพื่อเล่นในลีกที่ดีที่สุดในโลก และลงแข่งขันชิงถ้วยรางวัลในรายการใหญ่ ผมรอไม่ไหวแล้วครับ ที่จะได้ลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลของเรา และช่วยเพื่อนร่วมทีมทั้งในและนอกสนาม”

การเจรจาที่ยืดเยื้อจนดีลเกือบจะล่ม แต่ก็ทำสำเร็จได้ในวันสุดท้าย แสดงให้เห็นว่า ท็อดด์ โบห์ลี่ ก็ชื่นชอบเขาไม่เบา

“เราได้เซ็นสัญญากับนักเตะระดับแชมป์โลก และหนึ่งในดาวรุ่งที่เจิดจรัสที่สุดในโลกฟุตบอล เราตื่นเต้นที่จะมีเขาอยู่ในทีมของเกรแฮม พอตเตอร์ และมั่นใจว่าเอ็นโซ่ จะเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่จะพาทีมก้าวต่อไป”

 

แรงบันดาลใจจาก เอ็นโซ่ ฟรานเชสโคลี่

ราอูล พ่อของเอ็นโซ่ คลั่งฟุตบอลมาก ๆ และเป็นแฟนบอลของริเวอร์เพลท ยักษ์ใหญ่แห่ง ‘พรีมีร่า ดิวิชั่น’ ลีกอาร์เจนติน่า และรักในฝีเท้าของ เอ็นโซ่ ฟรานเชสโคลี่ มิดฟิลด์ระดับตำนานของสโมสรเป็นอย่างมาก

เมื่อ มาร์ธา ตั้งท้องเป็นลูกชาย จึงไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ที่บิดาจะตั้งชื่อบุตรคนนี้ว่า เอ็นโซ่ โดยมีชื่อเต็ม ๆ ว่า ‘เอ็นโซ่ เฆเรมิอัส เฟร์นานเดซ’ และได้เข้าสู่ระบบอคาเดมีของสโมสรตั้งแต่อายุ 5 ขวบเท่านั้น โดยมีบิดาซึ่งมีอาชีพเป็นช่างทาสีทั้งผลักทั้งดันอย่างสุดกำลัง

ปาโบล เอสกุยเบล แมวมองของริเวอร์เพลท เคยให้สัมภาษณ์กับ ‘มาร์ก้า’ สื่อของสเปนว่า เขาพบเพชรเม็ดนี้ตั้งแต่ 5 ขวบ ตอนที่เอ็นโซ่สวมเสื้อทีม ‘ลา เรโกบา’ สโมสรท้องถิ่นเล็ก ๆ  เขาโดดเด่นตั้งแต่ตอนนั้น

“ผมรีบโทรหา กาเบรียล โรดริเกซ ที่ดูแลเรื่องนักเตะเด็ก ๆ ในทีม เพื่อให้เขารู้ว่า มีเด็กที่พร้อมจะทำลายทุกสถิติ เอ็นโซ่ ทำให้ผมแทบคลั่งเมื่อดูเขาเล่น การยืนตำแหน่งในสนาม การตัดสินใจ การสั่งการเพื่อนร่วมทีม การตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม กาเบรียลบอกผมให้จับตาดูเจ้าหนูคนนี้ และพาเขามาที่สโมสร เราได้คุยกับพ่อและแม่ของเขา แต่พวกเขาบอกว่า เอ็นโซ่ยังเด็กเกินไป ทำให้เราต้องรออีกปี กว่าเขาจะนำเขามาที่สโมสรได้”

หลังใช้เวลานานถึง 13 ปีกับทีมเยาวชน จนอายุครบ 18 เอ็นโซ่ ได้เลื่อนชั้นสู่ทีมชุดใหญ่ที่มี มาร์เซโล่ กัลยาร์โด้ อดีตดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่าคุมทัพ และได้ประเดิมชุดใหญ่ในเกมโคปา ลิเบอร์ตาโดเรส เมื่อเดือนมีนาคมปี 2020 ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เขาถนัดมาตั้งแต่สมัยยังเยาว์วัย ดาวรุ่งรายนี้เล่นได้ทั้งแบบ box to box หรือ deep lying playmaker ตามแบบฉบับตำราฟุตบอลสมัยใหม่

จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตการเป็นนักเตะอาชีพคือขณะที่อายุได้ 19 ปี  กัลยาร์โด้ ได้แนะนำให้ เอ็นโซ่ ออกไปหาประสบการณ์กับสโมสรที่เล็กกว่าคือ ‘ดีเฟนซ่า ฆุสติเซีย’ ที่มีเฮอร์นาน เครสโป อดีตกองหน้าเชลซีเป็นผู้จัดการทีม บรรยากาศ พื้นที่รอบสนามเอสตาดิโอ้ นอร์แบร์โต้ เล็กกว่า เอสตาดิโอ้ มาส โมนูเมนทัล ของริเวอร์เพลทมาก ด้วยความเป็นสโมสรที่ไม่ใหญ่ ทำให้เอ็นโซ่ มีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด เพราะได้ลงสนามต่อเนื่อง

เขาใช้เวลาที่นั่น 9 เดือน สามารถปรับตัวเข้ากับทีม และการเล่นลีกสูงสุดได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากเทคนิคที่ยอดเยี่ยมแล้ว เขายังพัฒนาด้านร่างกายผสมไปด้วย จากที่เคยตัวเล็ก เขาสูงขึ้นจนถึง 178 เซนติเมตร

เจ้าของเสื้อหมายเลข 8 มีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีม ‘ดีเฟนซ่า ฆุสติเซีย’ คว้าแชมป์โคปา ซูดาเมริกาน่า 2020 ที่เทียบเท่ากับยูโรป้าลีก ของยุโรป พร้อมกับติดทีมยอดเยี่ยมในปีนั้น รวมถึงยังได้แชมป์เรโคปา ซูดาเมริกาน่า ที่เทียบเท่ากับยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ ได้อีกหนึ่งรายการ ก่อนที่จะกลับมายังสโมสรแม่ คว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2021

ชื่อของเขาเริ่มไปเตะตาแมวมองในยุโรป เพราะเพียงแค่ครึ่งแรกของปี 2022 เจ้าของฉายา ‘เอล มิวสิโก้’ ยกคลาสตัวเองขึ้นไปอีกเมื่อทำ 10 ประตู 6 แอสซิสต์ จาก 26 เกมจากทุกรายการริเวอร์เพลท ทำให้การเล่นฟุตบอลในอเมริกาใต้เล็กเกินไปสำหรับเขาแล้ว จนเบนฟิก้าในลีกโปรตุเกสที่ใช้เงิน 8.5 ล้านปอนด์ ราว 340 ล้านบาท บวกแอดออน (add on) 8 ล้านปอนด์ กระชากตัวดาวรุ่งหมายเลข 13 ของริเวอร์เพลทไปร่วมทัพ

ซึ่งก่อนเวิลด์คัพเวอร์ชั่นอาหรับจะเริ่ม เอ็นโซ่ ลงเล่นไป 24 นัดให้เบนฟิก้าในทุกรายการ ทำไป 3 ประตู 5 แอสซิสต์ คว้ารางวัลมิดฟิลด์ยอดเยี่ยมของลีกประจำเดือนสิงหาคม ตุลาคม และพฤศจิกายน นำทีมจบแชมป์กลุ่มเอชในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่มีทั้งปารีส แซงต์ แชร์กแมง และยูเวนตุส ด้วยฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงของกองกลางดาวรุ่งรายนี้ทำให้เขาติดเป็น 1 ใน 26 ขุนพลฟ้าขาวชุดฟุตบอลโลก 2022 ของ ลิโอเนล สกาโลนี่

‘เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ’ หนุ่มที่ชีวิตเปลี่ยนในรอบเดือน ก้าวสู่นักเตะค่าตัวแพงสุดในอังกฤษ

พรหมลิขิตให้เล่นร่วม ‘เมสซี่’

ลิโอเนล เมสซี่ นักเตะระดับ GOAT กัปตันทีม ‘ลา อัลบิเซเลสเต้’ คือ ไอดอลที่เอ็นโซ่ เทิดทูนบูชา มันเกินฝันไปไกล ชีวิตนักเตะอาชีพของเขาไปเร็วและไวกว่าที่คิดมาก ๆ เขาได้เล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเคียงข้างนักฟุตบอลผู้เป็นแรงบันดาลใจแล้ว

เอ็นโซ่ ทำหน้าที่นักรบเคียงข้างแม่ทัพอย่างแข็งขันตลอดทัวร์นาเมนต์ ทั้งการยิงประตูสำคัญสุดสวยใส่เม็กซิโก, แอสซิสต์ให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ไปยิงโปแลนด์ ในรอบแรก ซึ่งตั้งแต่รอบ 16 ทีมจนถึงรอบชิงชนะเลิศ  ‘เอล มิวสิโก้’ ไม่พลาดการเล่นให้กับทีมฟ้าขาวแม้แต่นาทีเดียว รอบไฟนอลกับฝรั่งเศส ดาวเตะหมายเลข 24 รีดศักยภาพออกมาสุดตัว

สถิติจาก ‘ออปต้าโจ’ ระบุว่า เขาสัมผัสบอลมากที่สุดตลอด 120 นาที ที่ 118 ครั้ง ผ่านบอลสำเร็จมากที่สุด 77 ครั้ง และทำแทคเกิลสำคัญถึง 10 ครั้ง มากที่สุดเหนือนักเตะคนใด ๆ ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา

จากผลงานกับต้นสังกัดเก่า และฟอร์มอันยอดเยี่ยมในเวิลด์คัพ ที่มีถ้วย ‘นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยม’ การันตี

ทำให้เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ได้ย้ายไปสู่เชลซี ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสูงที่สุดของเกาะอังกฤษที่ 107 ล้านปอนด์ ทุบสถิติค่าตัวของ แจ็ค กรีลิช ที่ย้ายจากแอสตัน วิลล่า ไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 100 ล้านปอนด์ เมื่อซัมเมอร์ปี 2021 ลงอย่างราบคาบ และค่าตัวสูงที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก

การย้ายมาเชลซี ทำให้เขาได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มกว่า 6 เท่าตัว จาก 48,000 ยูโรต่อสัปดาห์ (1.7 ล้านบาท) กับเบนฟิก้า มารับ 315,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (11.3 ล้านบาท) กับเชลซี พ่อของเขาคงไม่ต้องเป็นช่างทาสี และแม่คงไม่ต้องเป็นพนักงานทำความสะอาดอีกต่อไปแล้ว

ย้อนไปตอนเขายังเด็ก ชีวิตวัยรุ่นจากบัวโนสไอเรสกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ของริเวอร์เพลท เอ็นโซ่ ในวัย 15 ปีต้องช็อกจัด และเสียใจอย่างมากเมื่อเห็น เมสซี่ ประกาศเลิกเล่นทีมชาติเมื่อปี 2016 หลังจากฟ้า-ขาวแพ้ให้กับชิลีในรอบชิงชนะเลิศ โคปาอเมริกาในปีนั้น เป็นการพ่ายแพ้ในรอบชิงดำเกมระดับทีมชาติครั้งที่ 4 ของเมสซี่ มันเกินจะรับไหว

ดาวเตะหมายเลข 10 ฟ้า-ขาว ต้องร้องไห้ ไม่ต่างจากเอ็นโซ่ ที่หัวใจสลาย เชียร์ให้ได้แชมป์ทวีปก็ไม่ได้ แถมนักเตะขวัญใจยังมาเลิกเล่นทีมชาติอีก

เขาโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก เรียกร้องให้กัปตัน และฮีโร่ของเขา อย่าหันหลังให้ทีมชาติ

“อย่าไปเลยเลโอ การได้เห็นคุณเล่นในสีเสื้อฟ้า-ขาว คือ ความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ในโลก จงอยู่นะ และเล่นฟุตบอลอย่างสนุก”

ใครจะรู้ว่า 6 ปีหลังจากวันนั้น เด็กน้อยที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงเมสซี่ เติบโตขึ้นมากลายเป็นนักรบเคียงข้างแม่ทัพ จนร่วมกันคว้าแชมป์โลกได้ในที่สุด ทั้งที่ก่อนหน้าฟุตบอลโลกจะเริ่มขึ้น เขาแทบไม่มีประสบการณ์ในเกมทีมชาติชุดใหญ่เลย เพราะเคยลงเล่นเพียง 3 เกม และมาฟุตบอลโลกครั้งนี้ในฐานะตัวสำรองในแดนกลางของกุยโด โรดริเกซ และเลอันโดร ปาเรเดส แต่สองมิดฟิลด์รุ่นพี่เล่นไม่ออก จนเมื่อเอ็นโซ่ ได้โอกาสก็คว้ามันเอาไว้ได้ จนเมสซี่ ยังต้องเอ่ยปากชม

“ผมรู้จักเอ็นโซ่ดีมาก ๆ จากทั้งในการเล่นทีมชาติ และตอนพบกันในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เขาสมควรได้รับมัน (ตำแหน่งนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยม) เขาคือ เด็กที่น่าตื่นตาตื่นใจ และเป็นผู้เล่นคนสำคัญของเรา”

 

เรื่อง: My name is

ภาพ: (ซ้าย) เอนโซ่ เปิดตัวกับสโมสรเชลซี (ขวา) เอนโซ่ ชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกฉลองกับกุน อเกวโร่ อดีตนักเตะทีมชาติ ภาพจาก Getty Images

อ้างอิง:

lifebogger.com

Goal

Marca

BBC

BBC (2)

Chelsea FC