21 ม.ค. 2568 | 16:10 น.
KEY
POINTS
การเป็นแฟนคลับมักเริ่มต้นจากความชื่นชม ความรัก และการสนับสนุนศิลปินในดวงใจ หลายคนยอมทุ่มเทเวลา แรงกาย และหัวใจ เพื่อเป็นกำลังใจให้ศิลปินที่พวกเขารักได้เดินตามความฝัน แต่ในบางครั้ง ความรักและความหลงใหลนั้นกลับล้ำเส้น จนกลายเป็นการคุกคามและรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของศิลปิน
ในวงการ K-Pop ความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินและแฟนคลับถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะแฟนคลับกลุ่มหนึ่งที่ภาษาเกาหลีเรียกว่า 'ซาแซงแฟน' (사생팬) หรือฝั่งสหรัฐอเมริกาเรียกว่า ‘Stan’ เป็นนิยามของกลุ่มคนที่ล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของศิลปินไปในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสะกดรอยตามถึงบ้านพัก แอบเข้าไปในโรงแรม หรือแม้กระทั่งโทรหาในเวลาส่วนตัว
ส่วนฝั่งสหรัฐอเมริกาเรียกว่า ‘Stan’ กลุ่มคนที่ตามติดศิลปินและสะท้อนอยู่ในเพลงชื่อเดียวกันของ Eminem ที่ต้องเจอกับแฟนตัวยง และเมื่อไม่ได้รับการตอบกลับก็กลายเป็นคำด่าทอมากมาย แต่ปัจจุบัน Stan ไม่ได้ถูกมองเชิงลบ แต่เป็นคำที่ใช้ยกย่องเหล่าขุมพลังที่คอยหล่อเลี้ยงหัวใจของศิลปินหัวใจเอาไว้
บทความนี้จะพาคุณสำรวจเบื้องลึกเบื้องหลังของพฤติกรรมซาแซงแฟนและ Stan ทั้งจากมุมมองทางจิตวิทยา ไปจนถึงผลกระทบที่มีต่อศิลปิน พร้อมตั้งคำถามว่า เส้นแบ่งระหว่างความชื่นชมและการคุกคามอยู่ตรงไหน และเราจะสร้างสมดุลระหว่างศิลปินและแฟนคลับได้อย่างไร เพื่อให้ความสัมพันธ์นี้ดำรงอยู่บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน
อาจดูเป็นเรื่องปกติที่เวลาเราเป็นแฟนคลับใคร เราก็คงอยากจะรู้จักเขาคนนั้นให้ดีขึ้น
ยิ่งเป็นวงการ K-Pop ที่ศิลปินแต่ละคนต่างมีเส้นทางของตัวเอง ความพยายามกว่าจะได้มายืนเป็นแฟนคลับที่รักมันไม่ง่าย เพราะแง่หนึ่งมันคือการทุ่มเทชีวิตวัยเยาว์ หรือช่วงเวลาเกือบทศวรรษเพื่อได้เป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น นั่นคือ การเป็นศิลปินที่พวกเขาภาคภูมิใจ
แล้วบางครั้งศิลปินก็มีข่าวว่า ศิลปินได้พบรักกับคนธรรมดา คนนอกวงการ ทำให้แฟนคลับบางคนคาดหวังว่า วันหนึ่งพวกเขาอาจจะเป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่ได้พบรักกับศิลปินที่เขาชื่นชอบ
พอหวังมาก จากการตามไปคอนเสิร์ต ไปรายการเพลง ก็เริ่มเป็นการตามไปที่บ้าน ตามไปโรงแรม หรือแม้แต่ขึ้นเครื่องบินไฟลท์เดียวกัน
จากแฟนคลับก็เริ่มล้ำเส้นไปถึงชีวิตส่วนตัวของศิลปิน ภาษาเกาหลีเรียกว่า ‘사생팬’ (ซาแซงแฟน) โดยคำว่า ‘사생’(ซาแซง) แปลว่า ‘ส่วนตัว’ เมื่อนำมาใช้ร่วมกับคำว่า ‘แฟนคลับ’ ซาแซงแฟนจึงถูกใช้มาอธิบายกลุ่มแฟนคลับที่ละเมิดชีวิตส่วนตัวของศิลปินในรูปแบบต่าง ๆ พวกเขาจะแชร์ข้อมูลกันผ่านกลุ่มแฟนคลับในสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ของแฟนคลับด้วยกันเอง
คำถามต่อมาก็คือ ซาแซงแฟนมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนั้น?
ควักกึมจู อาจารย์มหาวิทยาลัยด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยโซลอธิบายว่า “ผู้คน โดยเฉพาะวัยรุ่น ในเกาหลีขาดโอกาสในการเพลิดเพลินกับกิจกรรมทางวัฒนธรรม ซึ่งฉันเชื่อว่าเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ก่อให้เกิด 'ซาแซง' จำนวนมาก
"ในช่วงแรกๆ พวกเขามักจะดูโทรทัศน์และฟังเพลงเคป็อป แทนที่จะทำกิจกรรมอดิเรกต่างๆ เช่น เล่นดนตรีและเล่นกีฬา พวกเขาไม่มีงานอดิเรกอื่นใดนอกจาก 'แฟนเกิร์ล' หรือ 'แฟนบอย' พวกเขาจึงหมกมุ่นอยู่กับงานอดิเรกเพียงอย่างเดียวจนถึงขั้นที่มันสร้างความเสียหายให้กับศิลปินได้"
และอาจเป็นเพราะพวกเขาเองก็หลงใหล และรู้สึกใกล้ชิดกับศิลปินมาก ๆ ตามทฤษฎีจิตวิทยา Triangle of Love โดย ศ.ดร.Robert Sternberg แห่งภาคจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเยลล์ ที่บอกว่า ความรักที่สมบูรณ์แบบ (Compassionate love) จะเกิดขึ้นจากองค์ประกอบหลัก 3 ส่วน ประกอบด้วย
ดังนั้นการจังหวะตกหลุมรักของแฟนคลับจึงรู้สึกลุ่มลึก และทำให้พวกเขารู้สึกว่า วันหนึ่งเขาจะเป็นคนสนิทและคนที่จะอยู่เคียงข้างศิลปินที่เขารักได้จริง ๆ
ถึงตอนนี้เรื่องซาแซงแฟนเป็นเรื่องที่ถูกหยิบมาพูดถึงบ่อยครั้งขึ้น แต่ถ้ามองต้นกำเนิดของคำว่า ‘ซาแซง’ ก็มีที่มาจากการเดบิวต์ของ Seo Taiji and Boys ศิลปินแนวร็อก ฮิปฮอป สร้างปรากฎการณ์ กรุยทางให้กับวงการเพลงเกาหลีในช่วงปี 1992
จริง ๆ แล้ว บ้านของซอแทจีเคยถูกล้อมด้วยแฟนคลับมากกว่าน้อยคน มากกว่านั้นยังมีคำบอกเล่าจากผู้จัดการของวง Seo Taiji and Boys ว่า ซอแทจีเคยถูกแฟนคลับปีนข้ามกำแพงบ้านของเขาย่านยอนฮีดงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ซอแทจีช็อค จนไม่รู้จะจัดการอย่างไร
หลังจากนั้นก็มีเรื่องราวอีกมากมาย ครั้งที่ดูจะเป็นที่พูดถึงการส่ง ‘จดหมายเลือด’ ให้กับศิลปินที่ตัวเองรัก
‘จดหมายเลือด’ คือ จดหมายที่เขียนด้วยเลือดของแฟนคลับกำเนิดครั้งแรกในยุค 90 เช่นกัน 10 ปีป่านไป ในปี 2009 ยุคนั้น 2PM ศิลปินจากค่าย JYP Entertainment ได้รับความนิยมมาก และเวลานั้นก็เป็นเวลาที่อ๊ก แทคยอน หนึ่งในสมาชิกวงได้รับจดหมายเลือดจากแฟนคลับ
จดหมายเขียนว่า “ฉันขอมอบเลือดประจำเดือนให้แทคยอน โอเค แทคยอน เธออยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีฉัน"
อีกหนึ่งวงที่ต้องเผชิญกับการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวจากซาแซงแฟน ก็คือ ‘EXO’ ศิลปินจากค่าย SM Entertainment ยกตัวอย่างเช่น ถูกตามไปงานแต่งงานที่ ‘แบคฮยอน’ ไปเข้าร่วม ซาแซงแฟนผู้หญิงตัดผมสั้น แต่งตัวเป็นผู้ชาย เข้าไปในห้องน้ำที่ EXO ใช้ รวมถึงยังไปตั้งกล้องถ่ายรูป ‘เทา’ ในโรงแรมที่เขาไปพักกับสมาชิกคนอื่น ๆ
\
ไม่เพียงแค่จดหมายเลือด แต่ช่วงประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ซาแซงแฟนปลอมตัวให้เหมือนนักข่าวหรือทีมงาน หรือแม้แต่ไม่ได้ปลอมตัวเป็นใคร แต่เดินตาม เฝ้ารออยู่ใกล้ ๆ กับพื้นที่ส่วนตัว หรือแม้แต่โทรศัพท์ไปหาศิลปิน เพื่อที่จะได้เจอศิลปินที่เขารักอย่างใกล้ชิด
เราเชื่อว่า ไม่ว่าศิลปินเบอร์ไหน รุ่นไหน ภายใต้รอยยิ้มและการส่งมอบความสุขให้แฟนคลับ พวกเขาก็กำลังกลัวว่า ชีวิตของพวกเขาจะถูกรุกล้ำไปอีกมากน้อยแค่ไหน
หรือแม้แต่คิมแจจุงก็เพิ่งออกมาเปิดเผยประสบการณ์การโดนซาแซงคุกคามในปี 2024 ว่า ตอนที่เขากำลังได้รับความนิยมจากสังคม เขาก็ถูกตามและมีซาแซงบางคนมาที่บ้านของเขาเหมือนกัน
“แท็กซี่ซาแซงรออยู่ทุกมุมตึก ขับตามรถของผมไม่หยุด พวกเขาบอกว่า เขาต้องทำตามที่ผู้โดยสารบอก เหล่าผู้โดยสารจะสื่อสารผ่านวิทยุ เหมือนกับกำลังทำภารกิจบางอย่าง พวกเขาทำให้ผมอารมณ์เสีย เหมือนทุกคนรู้ว่าต้องทำอย่างไร
“เด็กผู้หญิงที่จูบผมตอนหลับ นขณะที่ฉันหลับถูกจับได้ที่บ้านของฉัน ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นตอนนี้ เธออาจจะต้องติดคุก ผมอยู่ที่บ้าน ผมได้รูปถ่ายจากข้อความของเบอร์โทรศัพท์ที่ผมไม่รู้รัก ผมเห็นแล้วก็คิดว่า ‘เอ่อ นั่นคือรูปถ่ายหลังผมตอนนี้ นั่นหมายความว่าพวกเขาอยู่ที่บ้านกับผมตอนนี้ใช่ไหม’”
นั่นเป็นเรื่องในอดีต สำหรับความรู้สึกของเขาในตอนนี้ เขาบอกว่า “ตอนนี้ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ตอนนั้นมันทรมานเหมือนจะตายเลย”
วันนี้ไม่มีความกลัว ศิลปินเองก็ไม่ทน พวกเขาใช้ความกล้าพูดอย่างไปตรงตรงมาว่า พวกเขารู้สึกไม่สบายใจกับการที่มีคนมาติดตามเขาตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในและนอกเวลางานเพราะพวกเขารักงานที่เขาทำ และชีวิตในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
อย่างที่ทุกคนรู้ สำหรับศิลปินเกาหลี การเดบิวต์เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
ไม่เพียงแค่เป็นจุดเริ่มของเส้นทางอาชีพต่าง ๆ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการแบ่งชีวิตงาน ชีวิตส่วนตัว และยังต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิต
การรับมือกับซาแซงก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่เหล่าศิลปินและค่ายก็ต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน
เพราะซาแซงในวันนี้เป็นใครก็ได้ เขาอาจเป็นแฟนคลับที่มาดูศิลปินตามงาน อาจเป็นคนที่พักโรงแรมเดียวกัน อาจเป็นผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และอาจเป็นใครสักคนที่โทรศัพท์เข้ามือถือของศิลปิน
กรณีศึกษาของซาแซงมีหลายกรณี สมัยก่อนหากเจอซาแซง ศิลปินอาจทำเป็นเงียบ ส่วนค่ายก็จัดการแบบเงียบ ๆ เพราะกลัวความนิยมจะลดลง แต่วันนี้ศิลปินหลาย ๆ คนก็ออกมาพูดถึงซาแซงต่อหน้าสาธารณะอยู่หลาย ๆ ครั้ง
เริ่มจาก BTS วีเคยออกมาพูดว่าเจอซาแซงนั่งอยู่บนเครื่องบินลำเดียวกันก็ออกมาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาผ่าน V LIVE (บริการสตรีมวิดีโอสดของประเทศเกาหลีใต้) ในปี 2019 ให้ซาแซงหยุดการกระทำรูปแบบนี้
“เราอยากบินเที่ยวบินปกติ แต่บางคนก็หาตารางบินของเราเจอแล้วมานั่งข้างๆ เรา มันอึดอัดมากเพราะเราไม่สามารถพักผ่อนในพื้นที่ส่วนตัวได้ มันทำให้ผมกลัวมาก อยากให้สิ่งนี้มันจบเสียที”
รวมไปถึงการที่แจ็คสัน หวัง (แจ็คสัน GOT7) ที่ถูกซาแซงเปิดเผยที่อยู่บ้านของเขาและบ้านพ่อแม่ที่ฮ่องกง เมื่อเห็นหน้าใครบางคนในกลุ่มแฟน ๆ เขาก็หันไปถามตรง ๆ ว่า “คุณคือคนที่บอกที่อยู่บ้านผมหรือเปล่า”
รวมถึงยองแจ GOT7 ก็เคยได้รับข้อความผ่านแอปพลิเคชัน KAKAO TALK จนต้องพิมพ์ลงสตอรี่อินสตาแกรมเมื่อปี 2018 ว่า “ได้โปรดหยุดส่งข้อความ Katalk ถึงผม หยุดเถอะนะ หยุดเลย ห้าเดือนเลยนะ ได้โปรด หยุดๆๆๆๆๆๆ”
ไม่กี่เดือนต่อมา เขาก็โพสต์อินสตาแกรมถึงซาแซงทั้งหลายอีกครั้งว่า “ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน ดังนั้นหยุดเถอะ ทุกคน หยุดเถอะ ผมบอกให้หยุด คำพูดของผมไม่ดูเหมือนคำพูดหรือไง ผมมีขีดจำกัดนะว่าจะรับไหวแค่ไหน คุณจะรู้สึกยินดีไหม ถ้าคุณได้รับข้อความจากคนแปลกหน้าทุกวัน ถึงแม้ว่าผมจะพูดด้วยคำพูดดีๆ หลายครั้ง แต่คุณก็ยังไม่สนใจ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผมจะรวบรวมและแคปเจอร์ทุกอย่าง ได้โปรด อย่าส่งข้อความมาที่อินสตาแกรมของผม”
ยังไม่รวมถึงอีกหลาย ๆ ครั้งที่มีคนโทรศัพท์หายองแจหรือถ่ายรูปเขาโดยไม่อนุญาต จนเขาออกมาโพสต์โต้อยู่ทุกครั้ง
สำหรับศิลปินเหรินจวิ้น สมาชิกวง NCT DREAM ก็เคยออกมาเปิดเผยข้อมูลแอคเคาน์ X ของซาแซงที่เปิดไว้เพื่อขายข้อมูลศิลปิน เช่น เที่ยวบิน หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่
วิธีการของเหรินจวิ้นคือแคปเจอร์หน้าแอคเคาท์และโพสต์ลง Bubble บริการที่ศิลปินมีไว้สื่อสารกับแฟนคลับโดยให้เหตุผลว่า “ในเมื่อคุณพยายามจะเปิดเผยเบอร์โทรศัพท์ของพวกเราอย่างผิดกฎหมาย ผมก็จะเปิดเผยข้อมูลของคุณเหมือนกัน”
และรูปแบบของซาแซงล่าสุดที่ไอดอลหลาย ๆ คนเจอ คือ การโทรศัพท์เข้าเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวระหว่างที่ศิลปินกำลังไลฟ์สดพูดคุยกับแฟนคลับ
ทั้งคาริน่า วินเทอร์ aespa จองกุก BTS มินกยู โดคยอม SEVENTEEN จางฮ่าวจาก ZEROBASEONE และศิลปินอีกหลายคนที่ไม่ได้กล่าวถึงก็คงเคยเจอเหมือนกัน
แทนที่พวกเขาจะเลือกเงียบ พวกเขาเลือกที่จะพูดออกไปทันที อย่างจางฮ่าวก็พูดว่า “อย่าโทร.หาผม อย่าโทร.หาผมตอนที่ผมกำลังไลฟ์ ถ้าโทร.มาอีกผมจะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์”
วินเทอร์ aespa ก็พูดผ่านไลฟ์เหมือนกันว่า “ได้โปรด หยุดโทร.หาฉัน ทำไมคุณถึงโทร.หาฉันคะ นี่คุณอยากรู้เบอร์ของฉันหรอ ใช่สินะ เพราะงั้นหยุดโทร.หาฉันตอนที่ฉันกำลังคุยเล่นกับ MYS (ชื่อแฟนคลับ aespa) คุณเข้าใจไหมคะ หวังว่าคุณจะเข้าใจ”
ส่วนมินกยู SEVENTEEN ก็ถูกซาแซงก่อกวนจนต้องเปิดไลฟ์ใหม่ถึง 2 ครั้งก็บอกซาแซงว่า “หยุดได้แล้ว จริง ๆ เลย” แต่ซาแซงยังคงโทรศัพท์หาเขา จนเขาต้องพูดอีกครั้งว่า “หยุดได้แล้ว นี่ผมจริงจังนะ”
หลังจากนั้น เขาก็เลือกที่จะปิดการรับสัญญาณต่าง ๆ เขาบอกกับแฟน ๆ ว่า “ดูสิ มันยากที่ผมจะกินสิ่งนี้คนเดียว แต่เพราะผมกำลังกินไปพร้อมกับคุยกับทุกคน ผมเลยกินได้เร็ว มันดีจริง ๆ เลย… ผมสับสนว่าจะเปิด WIFI เปิดโหมดเครื่องบิน แต่ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว”
นี่คือเรื่องราวบางส่วนจากหลายล้านเรื่องราวที่ศิลปินเกาหลีต้องสู้กับซาแซงที่กำลังข้ามเส้นชีวิตส่วนตัวของพวกเขา ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีจัดการแตกต่างออกไป แต่พวกเขามีเป้าหมายเดียวกันให้ซาแซงหยุดการกระทำและคืนชีวิตส่วนตัวให้กับพวกเขา
นอกจากคำว่า ‘ซาแซง’ ในฝั่งของเกาหลีใต้แล้ว หากขยับไปดูที่สหรัฐอเมริกาก็มีคำศัพท์ที่มีทั้งความหมายในแบบที่คล้ายคลึงกัน อีกทั้งยังออกเสียงไปในทำนองเดียวกันอีกด้วย ซึ่งก็คือคำว่า ‘Stan’ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างคำว่า ‘Fan’ ที่หมายถึงแฟนคลับ กับคำว่า ‘Stalker’ ที่หมายถึงคนที่ชอบสะกดรอยตาม เข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นคำนี้ขึ้นมา
ทว่า Stan ก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาเป็นเวลายาวนานหลายปีในประวัติศาสตร์ ถูกสร้างสรรค์ขึ้นจากวรรณกรรม หรือประดิษฐ์ขึ้นโดยนักภาษาศาสตร์คนใด แต่ผู้ที่ให้กำเนิดคำ ๆ นี้เป็นคนแรกคือศิลปินฮิปฮอปผู้ซึ่งอ่านพจนานุกรมเป็นงานอดิเรกอย่าง ‘เอ็มมิเน็ม’ (Eminem) นี่เอง
ย้อนกลับไปในปี 2000 ในวันที่เอ็มมิเน็มปล่อยผลงานชุดลำดับที่สามที่ใช้ชื่อว่า The Marshall Mathers LP (2000) ในแทร็คที่สามของอัลบั้ม เอ็มมิเน็มได้นำเอาบทเพลง Thank You จากศิลปินหญิงนาม ไดโด (Dido) มาเป็นแซมเปิลเพื่อใช้เป็นท่อนฮุคในเพลงใหม่ของเขาที่ใช้ชื่อว่า ‘Stan’
ท่อนแร็ปของบทเพลง Stan ถูกร้อยเรียงออกมาในรูปแบบของจดหมายคั่นกับท่อนฮุคหนึ่งจากเพลง Thank You โดยเป็นเรื่องราวของแฟนเพลงคนหนึ่งที่คลั่งไคล้ศิลปินนามว่า ‘สลิม เชดี’ (Slim Shady) เอาเสียมาก ๆ จึงได้ส่งจดหมายไปหาตัวศิลปิน ทว่าเมื่อไม่ได้รับการตอบกลับ จดหมายฉบับต่อ ๆ ไปจึงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมอันน่าสลดใจ
เรื่องราวที่ถูกนำเสนอผ่านเพลงของ Stan ฉายภาพให้เราเห็นถึงสิ่งที่ศิลปินคนหนึ่งต้องแบกรับเมื่อเผชิญหน้ากับแฟนคลับที่คลั่งไคล้ตัวพวกเขาเป็นอย่างมาก และเมื่อไม่สามารถตอบรับความต้องการและหลงใหลนั้นได้ทั้งหมด ก็นำไปสู่ปัญหาหรือคำด่าทอมากมายตามมาทั้ง ๆ ที่ตัวศิลปินก็ไม่ได้เจตนาจะเป็นเช่นนั้นเลย
ในอีกมุมหนึ่งกรณีของ Stan ก็ได้ฝากข้อคิดไว้กับสังคมและแฟนคลับถึงความคลั่งไคล้ใครสักคนหรืออะไรสักอย่างที่ลุกลามไหลทะลักเกินขอบเขต จนนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เพียงก่อปัญหาให้กับศิลปินและคนอื่น ๆ แต่รวมไปถึงตัวเองอีกด้วย จึงทำให้เพลง ๆ นี้เป็นต้นกำเนิดของคำว่า ‘Stan’ ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ความหมายด้านลบของ Stan ก็ค่อย ๆ จางหายไปตามกาลเวลา เหลือเพียงนิยามด้านบวกที่เปรียบเสมือนเครื่องหมายป้ายแปะที่ไว้คอยนิยามเหล่า ‘แฟนตัวยง’ ที่คอยสนับสนุนศิลปินสุดเรี่ยวแรงด้วยความเข้าใจ เป็นคำที่ใช้ยกย่องเหล่าขุมพลังที่คอยหล่อเลี้ยงหัวใจของศิลปินหัวใจเอาไว้
แม้จะมีจุดเริ่มต้นด้วยความหมายที่คล้ายคลึงกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความหมายของ Stan ก็แตกต่างจากคำว่า ซาแซง ไม่น้อยเลยทีเดียว
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตอนนี้กระแส T-Pop ก็กำลังมาแรงไม่แพ้ศิลปินเกาหลีเลย สปอตไลท์ที่สว่างขึ้นก็ทำให้ผู้คนต่างชื่นชอบเป็นธรรมดา
เพราะชอบมาก รักมาก ก็ทำให้เกิด ‘ซาแซงแฟน’
หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นชัด ก็คือ การที่มีคนขับรถตาม ‘บิวกิ้น พุฒิพงศ์’ เมื่อปี 2565 ตั้งแต่ออกจากบ้านจนถึงกลับบ้านอยู่หลายวัน จนเจ้าตัวต้องออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ เพราะห่วงความปลอดภัยของตัวเองและคนในครอบครัว
ด้วยความเป็นห่วงตัวเองและคนในครอบครัว บิวกิ้นเลยลงไปพูดคุย แต่อีกฝ่ายไม่คุยด้วยแล้วขับรถหนีไป
"ลองขับเร็ว ชิดซ้าย ไม่แซงเรา พอเราเปิดไฟฉุกเฉินเขาก็หายไป ล่าสุดกลับจากเซ็นทรัลเวิลด์ มีรถสีเดิม รุ่นเดิม ลักษณะเดิม ผมก็เลยโทร.หาปะป๊า ผมจอดลงไปคุยกับคุณพ่อ ขอโทษนะครับช่วยลดกระจกมาคุยกันก่อนได้ไหม ไม่ได้เคาะกระจก เหมือนเขาตกใจ ไม่ลดกระจก เหมือนจะพยายามหนีไป ก็เลยไปแจ้งความไว้ที่สน.บางพลัด”
บิวกิ้นบอกว่า ถ้าเจอตัวก็คงดูที่เจตนา “ถ้ามาด้วยเจตนาดี คุยกันก็ปรับความเข้าใจได้ แต่ถ้ามาไม่ดีก็ต้องคุยกันไปตามบรรทัดฐาน จึงแล้วเรื่องนี้มันให้รู้สึกว่ารุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเรา เพราะเราไม่รู้ว่าเขาทำอะไรบ้างในช่วงที่ตามเรามา”
ช่วงต้นปี 2567 บิวกิ้นก็เจอซาแซงอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้ขับรถตาม แต่ขึ้นเครื่องบินไฟลท์เดียวกันกับเขาและพีพี (พีพี กฤษฎ์) และดูเหมือนจะเป็นชาวต่างชาติ บิวกิ้นบอกว่า ขอบคุณที่ติดตาม แต่ก็อยากให้มาติดตามกันในพื้นที่ที่จัดสรรมากกว่า
“จริงๆ ผมกับพีพีก็นั่งใกล้ๆ กัน ผมนั่งข้างหน้าแล้วเขาก็มาจองที่นั่งข้างๆ ผม แต่เขาไม่ได้มาคนเดียวนะ นอกจากผมแล้วคือเป็นแฟนคลับหมดเลย ผมเลยมองหน้ากับพีพีเอาไงดี เลยสลับที่ เลยไปนั่งข้างหลัง ไปนั่งชั้นประหยัดแล้วให้ป้าบีกับพี่หวานเจี๊ยบมานั่งแทน“
”ก็ตกใจ เพราะจริงๆ เขาเป็นกลุ่มแฟนคลับที่ตามเราอยู่ตลอด แต่หมายถึงว่าเราก็ดีใจนะที่เวลาเรามีแฟนคลับมาตามแต่หมายถึงว่ามันต้องมีเส้นของความพอดีมากกว่าในพื้นที่ที่จัดสรรแล้วก็ในโอกาสที่เหมาะสม จริงๆ คนนี้ก็ตามแบบฮาร์ดคอร์ หมายถึงว่าตามตั้งแต่เช็กอิน เข้ามาข้างในตามมาถึงข้างใน เดินไล่บี้มา เราเข้าเลานจ์ก็เข้ามาประกบ ขึ้นเครื่องก็จองที่นั่งข้างๆ ผมรู้สึกว่ามันก็โหดนิดหนึ่ง”
ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่ได้มีกฎระเบียบชัดเจนของการติดตาม แต่อย่างน้อยมันคือการเคารพความเป็นส่วนตัวของกันและกัน
เพื่อให้พื้นที่ของศิลปินและแฟนคลับเป็น ‘พื้นที่ปลอดภัย’ สามารถวางใจและสร้างความทรงจำแสนพิเศษร่วมกันได้อย่างเต็มที่
ก่อนหน้านี้ ในเกาหลี หากพบว่าศิลปินถูกสะกดรอยตาม คนที่จะต้องออกปกป้องศิลปิน คือ ค่ายหรือต้นสังกัดของศิลปินคนนั้น ๆ
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อปี 2023 ซาแซงอัปโหลดวิดีโอที่ทำให้เห็นว่า พวกเขาเข้าไปในห้องพักของแจฮยอน NCT ระหว่างทัวร์ที่สหรัฐอเมริกาในปี 2022 เนื่องจากแฟนซาแซงคนดังกล่าวได้ขโมยคีย์การ์ดห้องพักของแจฮยอนและลักลอบเข้าไปในห้องขณะไม่มีใครอยู่
เหตุการณ์ครั้งนี้ SM Entertainment ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า “วิดีโอที่หลุดออกมาถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของศิลปินอย่างร้ายแรง ทางเรากำลังรวบรวมหลักฐานจากผู้ที่อัปโหลดวิดีโอครั้งแรก รวมถึงผู้ที่เผยแพร่วิดีโอ และจะขอความร่วมมือจากเว็บไซต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงบริษัทกฎหมาย เพื่อให้มีการสืบสวนอย่างละเอียดจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย”
หรือครั้งหนึ่ง Edam Entertainment ต้นสังกัดของ IU ก็ออกแถลงการณ์ถึงการละเมิดความเป็นส่วนตัวบริเวณรักษาความปลอดภัยของสนามบิน ร้านค้าปลอดภาษี บนเครื่องบิน และในโรงแรม ระบุว่า "โปรดอย่าพยายามสนทนา ถ่ายรูป ให้ของขวัญ หรือถ่ายวิดีโอศิลปินบนเครื่องบิน"
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดครั้งแล้วครั้งเล่า จนทนายความอิมจูฮเย ทนายความเกาหลีใต้ให้ความเห็นว่า “การที่คุณทำให้ใครก็ตามต้องทนทุกข์ทรมานทางร่างกายหรือจิตใจจากการกระทำที่เกิดจากความรู้สึกชอบใจถือเป็นความผิดทางอาญา กฎหมายระบุว่าการส่งข้อความ โทรหา และติดตามใครก็ตามไปที่บ้านโดยไม่ได้รับความยินยอมนั้นถือเป็นการสะกดรอยตาม”
ขณะเดียวกันบทลงโทษของซาแซงในเกาหลีใต้ที่มาจากการสะกดรอยตามส่งผลให้พวกเขาต้องจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30 ล้านวอน ส่วนประเทศไทยมีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ช่วงหลัง เราเลยเห็นความเข้มงวดของการ์ดที่มาดูแลศิลปินที่มีจำนวนมากขึ้นและแข็งแกร่งมากขึ้น ส่วนศิลปินก็ระวังตัวในการออกไปพื้นที่สาธารณะคนเดียวมากขึ้น
การเป็นที่รักและชื่นชอบของแฟนๆ เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับศิลปิน แต่บางครั้งความรักที่มากไปของแฟนคลับก็อาจเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์และความทรงจำที่ดีก็เป็นได้
ความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินและแฟนคลับจะยั่งยืนได้ หากตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพพื้นที่ซึ่งกันและกัน ซึ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าการสนับสนุนและชื่นชมการเติบโตของศิลปินในทุกก้าวเดิน
ที่มาภาพ : อินสตาแกรม taecyeonokay, bts.bighitofficial, jacksonwang852g7,
333cyj333, bbillkin, yellow_3to3, min9yu_k และทวิตเตอร์ @weareoneEXO
อ้างอิง
Iwicka, Renata. Every Breath You Take: Sasaeng Fans. Jagiellonian University, 2018.
K-pop artists, agencies step up fight against ‘stans’ / ASIA NEWS NETWORK
도 넘는 사생팬 만행에 골머리 앓는 연예계…팬심과 범죄 사이 위험한 줄타기 / 투데이신문
K-pop in battle with sasaeng / The Korean Herald
Kim Jaejoong Publicly Calls Out Sasaengs, Exposing Two Decades Of “Horrifying” Behaviors / koreaboo
Sasaeng Fan Leaked GOT7 Jackson’s Home Address And He’s Furious / koreaboo
NCT’s Renjun Gains Praise For Directly Exposing A Sasaeng’s Online Handle / koreaboo
Popular 5th-Gen K-Pop Idol Calls Out Sasaeng During Live Broadcast / koreaboo
Aespa’s Winter Directly Addresses Sasaeng’s Inappropriate Behavior / koreaboo
9 Of EXO’s Worst Experiences With Sasaeng Fans / koreaboo
Why some fans become “sasaeng” about their favorite stars / The Korea Times
SM Entertainment Announces Strong Legal Action Against Sasaeng Of NCT's Jaehyun / Soompi
ทำไม ‘ติ่ง’? : มอง ‘ความติ่ง’ จากมุมจิตวิทยา / becommon
หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ซาแซงรุก ‘บิวกิ้น’ ตามประกบถึงบนเครื่องบิน / คมชัดลึก
"บิวกิ้น พุฒิพงศ์" เปิดใจเหตุการณ์ถูกตาม จนต้องแจ้งความ ชี้รูปร่างผู้ตาม / คมชัดลึก
วิธีรับมือจากการถูกสะกดรอยตาม (Stalkers) เมื่อการชื่นชอบกลายเป็นความคลั่งไคล้ / ไทยรัฐ