‘กระทิง’ เรืองโรจน์ พูนผล : ความหวาดกลัวใน AI เป็นโอกาสดีของคนที่ไม่กลัว

‘กระทิง’ เรืองโรจน์ พูนผล : ความหวาดกลัวใน AI เป็นโอกาสดีของคนที่ไม่กลัว

‘กระทิง’ เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท KBTG และเจ้าของฉายา Godfather of Thai Tech กล่าวถึง AI ในฐานะนวัตกรรมที่ต้องจับตาในปี 2024

  • เมื่อ AI มาเคาะประตูขนาดนี้แล้ว ใครที่คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะดี จะทำตัวชิล ไม่สนใจนวัตกรรมใด ๆ คุณกระทิงดึงสติว่า “ผมบอกเลยว่านั่นเป็นความคิดที่ผิด คุณจะต้องอดทนและต้องอยู่กับมัน คุณจะต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในปีนี้ และปีหน้าจะเป็น turbulent
  • คุณกระทิงมองว่า AI จะเป็นประโยชน์ต่อ low level worker มากกว่า white collar worker เพราะกลายเป็นว่า white collar worker หลายคนไม่สามารถ upgrade ตัวเองขึ้นมาได้ ขณะที่ low level จะได้ประโยชน์จาก AI เยอะมาก ๆ
  • คุณกระทิงแนะนำเรื่องการหาโอกาสจากปัญหาว่า “ถ้าอะไรที่มันขึ้นสื่อหมด หรือแม้กระทั่งขึ้นเทรนด์เรียบร้อยแล้ว นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณควรทำแล้ว เพราะมันคือ too much เต็มไปหมดแล้ว คุณต้องยั้งตัวเอง กระแสมีไว้สวน แต่เวลาสวนเราต้องสวนให้ถูก สวนแล้วผิดก็ซวย”

“80 % ของผู้บริหารระดับสูงสุดที่ผมได้คุยด้วย ทุกคนยังมีความหวาดกลัว AI ลึก ๆ ผมถึงได้บอกว่า ความหวาดกลัวเป็นโอกาสที่ดีของคนที่ไม่กลัว” 

‘กระทิง’ เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท KBTG กล่าวบนเวที ‘AP Thailand Presents CTC FORECAST 2024 รู้ก่อน เริ่มก่อน เปลี่ยนแปลงก่อน’ ในหัวข้อ INNOVATION FORECAST 

เมื่อถูกถามว่า “อะไรคือนวัตกรรมที่ทุกคนต้องจับตามองในปี 2024” คุณกระทิงที่เพิ่งกลับมาจากงาน ‘World Economic Forum’ ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาสด ๆ ร้อน ๆ ตอบว่า “ผมบอกลูกน้องว่า สไลด์ที่มึงทำมาก่อนหน้านี้ ทิ้งไปให้หมดเลยนะ เพราะคนที่เก่งกว่าผม 100 เท่า คนที่เป็น pioneer คนที่สร้างสาขานี้ขึ้นมา พอผมถามเขา ทุกคนพูดว่า I don’t know”

แต่ที่แน่ ๆ AI จะถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างหลากหลาย เพราะสิ่งที่คุณกระทิงได้ยินในทุกเวทีมีแต่เรื่องของ AI 

“ไปที่โน่น เขาบอกว่า ถ้ามีใครพูดคำว่า AI หนึ่งคำ แล้วได้เงิน 1 ดอลลาร์ ทุกคนในงาน World Economic Forum จะเป็นมหาเศรษฐีหมดเลย” 

และเมื่อ AI มาเคาะประตูขนาดนี้แล้ว ใครที่คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะดี จะทำตัวชิล ไม่สนใจนวัตกรรมใด ๆ คุณกระทิงดึงสติว่า “ผมบอกเลยว่านั่นเป็นความคิดที่ผิด คุณจะต้องอดทนและต้องอยู่กับมัน คุณจะต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในปีนี้ และปีหน้าจะเป็น turbulent

“ยิ่งเราเข้าใกล้จุดที่เรียกว่า Artificial general intelligence (ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป) มากขึ้นเท่าไหร่ ความเครียดและความกดดันในการสร้างนวัตกรรมจะยิ่งเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ

“แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดถัดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม คุณต้องทำนวัตกรรมด้วย empathy และ lead ด้วย empathy

“ดังนั้นตรงไหนมีปัญหา ยิ่งปัญหาใหญ่เท่าไหร่ ตรงนั้นยิ่งเป็นจุดที่เข้าไปทำแล้วยิ่งดีเท่านั้น คุณจำไว้เสมอ สิ่งนี้ไม่เคยเปลี่ยน ตรงไหนเป็นปัญหา จงวิ่งเข้าใส่ และยิ่งประเทศไทย มีปัญหาเป็นล้านเลย” พอพูดตรงนี้ คนฟังพากันหัวเราะพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย 

อย่างไรก็ตาม คุณกระทิงแนะนำเรื่องการหาโอกาสจากปัญหาว่า “ถ้าอะไรที่มันขึ้นสื่อหมด หรือแม้กระทั่งขึ้นเทรนด์เรียบร้อยแล้ว นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณควรทำแล้ว เพราะมันคือ too much เต็มไปหมดแล้ว คุณต้องยั้งตัวเอง กระแสมีไว้สวน แต่เวลาสวนเราต้องสวนให้ถูก สวนแล้วผิดก็ซวย”

ประธานกลุ่มบริษัท KBTG ผู้พูดจาคล่องแคล่วเร็วปรื๊อ ยังได้ยกตัวอย่างนวัตกรรมที่เขาคิดว่ามาถูกที่ ถูกเวลา โดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยีซับซ้อนใด ๆ นั่นคือแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า ‘MAKE by Kbank’ ที่เป็นตัวช่วยการจัดการด้านการเงิน แก้ Pain Point ให้เหล่า ‘ทาสแมว’ ผู้รู้สึกผิดที่เก็บเงินให้แมวเยอะกว่าเก็บเงินให้สามี

คุณกระทิงยังกล่าวย้ำบนเวทีว่า AI จะยังคงเป็นเรื่องสำคัญต่อไปอีกใน 5 ปีข้างหน้า 

“แต่ผมบอกเลยว่า 80% ของผู้บริหารระดับสูงสุดที่ผมได้คุยด้วย ทุกคนยังมีความหวาดกลัว AI ลึก ๆ ผมถึงได้บอกว่า ความหวาดกลัวเป็นโอกาสที่ดีของคนที่ไม่กลัว ไม่ได้หมายถึงว่า เจอมอเตอร์ไซต์แล้วพุ่งเข้าใส่ แต่แม้คุณไม่มี legacy ไม่มี culture คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งหลายแหล่ที่เป็นตัวถ่วงของคุณ ทำยังไงให้คุณเป็น AI first start up, AI first company ผมว่านี่คือเรื่องสำคัญ

“แล้วสุดท้ายคือ interface ทั้ง human และ AI approach ซึ่งเป็น basic ของนวัตกรรม ผมชอบอันนี้มาก กางเกงน้องแมว เขาทำตัวคาแรกเตอร์ขึ้นมาแล้วขายให้บริษัทเกม ได้ค่าลิขสิทธิ์เป็นร้อยล้าน นี่คือ soft power ของจริง ผมว่าแบบนี้ This is what I call innovation, make it simple but not simpler”

ส่วนคำถามที่ว่า “คนทำงาน คนทำธุรกิจ ต้องรู้อะไรบ้างในเรื่อง AI” เจ้าของฉายา Godfather of Thai Tech ตอบว่า “AI จะเป็นประโยชน์ต่อ low level worker มากกว่า white collar worker เพราะกลายเป็นว่า white collar worker หลายคนไม่สามารถ upgrade ตัวเองขึ้นมาได้ ขณะที่ low level จะได้ประโยชน์จาก AI เยอะมาก ๆ พวกเขาจะขึ้นมาเป็น white collar ได้ทันที พวก white collar ถึงกลัว”

เขายังฉายภาพหลังจากนั้นอีกว่า องค์กรในอนาคตจะเป็นลักษณะ agile teams plus AI ซึ่งผู้บริหารระดับกลางจะลดลงเยอะมาก โดยมีคนที่อยู่บนสุดเป็นคนควบคุมนโยบาย ซึ่งคุณกระทิงมองว่ามันจะเป็นองค์กรที่ ‘โคตรดี’ 

“คุณต้องเข้าใจว่ามันเป็น big shift มาก ๆ ดังนั้นทุกคนถึงค่อนข้างกลัว แต่ผมคิดว่าทุกที่จะทำใจได้ ปีนี้เป็นปีทำใจ เมื่อทำใจได้ปุ๊บ หลายคนเริ่มคุยเรื่อง concrete use case ละ คิดละว่าปีนี้ต้องมี concrete use case อย่างต่ำ 2 - 3 อัน

“แล้วเมื่อไหร่ที่มันมี concrete use case ปุ๊บ ปีหน้ามันจะเริ่มมีของจริง แต่คนที่ทำใจไม่ได้ยังกลัวอยู่ เชื่อผมเลย คือคุณกลัวแค่ไหน คุณต้องใช้ mindset นี้ ถ้าเป็นเด็กยุคผมต้องรู้จักเพลงนี้ กล้าก็ยังสั่น ๆ แต่ก็ยังมั่นใจ จงกล้าและสั่น และลุกขึ้นไปทำ แล้วมั่นใจ  ขนาดผมเองยังเรียนรู้เทคโนโลยีเยอะแยะ ผมลงทุนกับกองทุนที่เป็น AI เต็มไปหมดเลย ทุกคืนทุกวัน ผมตั้งวินัยไว้ว่า วันนึงผมจะใช้ tools AI ใหม่ ๆ อย่างต่ำ 1 วัน 1 อัน หรือฟัง lecture เรื่อง AI หนึ่งเรื่องเสมอ” 

แต่ถึงจะแนะนำให้ทุกคนรีบกระโจนเข้าหา AI คุณกระทิงยังได้ปิดท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า “อย่าไปแบบ เราเป็นเจ้าพ่อ AI คนไหนที่บอกว่าตัวเองเป็นเจ้าพ่อ AI คนนั้นไม่ใช่ เชื่อผมเถอะ ทุกคนพูดเหมือนกันหมด ทุกคนมันมีมุมมองที่ชัด แต่มี humility มหาศาล เพราะเมื่อไหร่ที่คุณรู้ว่าคุณไม่รู้อะไร คุณจะเรียนรู้มหาศาล”

สุดท้ายเขาขอให้ทุกคนท่องคาถาเกี่ยวกับ AI ว่า “lead with humility, empathy และ confident”