‘ดันธี ดวี ลักโซโน’ นักข่าวอินโดนีเซียผู้เปิดโปงการใช้ทรัพยากรของนักการเมือง

‘ดันธี ดวี ลักโซโน’ นักข่าวอินโดนีเซียผู้เปิดโปงการใช้ทรัพยากรของนักการเมือง

‘ดันธี ดวี ลักโซโน’ นักข่าว–ผู้กำกับชาวอินโดนีเซียคนนี้เลือกจะยืนอยู่ข้างประชาชน เปิดโปงความเชื่อมโยงระหว่างนักการเมืองกับสัมปทานถ่านหิน ผ่านสารคดี ‘Sexy Killers’ ที่สะเทือนทั้งรัฐบาลและสำนึกของสังคม

KEY

POINTS

‘ดันธี ดวี ลักโซโน’ (Dandhy Dwi Laksono) คือผู้กำกับภาพยนตร์สารคดี นักข่าว และนักเคลื่อนไหวด้านสังคมชาวอินโดนีเซียที่ขึ้นชื่อเรื่องความกล้าหาญ พร้อมจะท้าทายอำนาจรัฐ และไม่เกรงกลัวต่อผู้มีอิทธิพล

ในปี 2019 เขาได้เผยแพร่สารคดี ‘Sexy Killers’ สารคดีที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มนักการเมืองที่มีความเชื่อมโยงกับสัมปทานเหมืองถ่านหิน และกลุ่มธุรกิจพลังงานรายใหญ่ของประเทศ รวมถึงผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวอินโดนีเซีย การก่อมลพิษทางดิน ทางทะเล ทางอากาศ และผลกระทบต่อสุขภาพจนมีผู้เสียชีวิตหลายราย

ลูกชายครอบครัวข้าราชการที่อยากทำสารคดี

ดันธี ดวี ลักโซโน เกิดและเติบโตที่ลูมาจัง (Lumajang) ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ในจังหวัดชวาตะวันออก พ่อและแม่เป็นข้าราชการทั้งคู่ และคาดหวังให้ลูกชายตามรอยเส้นทางข้าราชการ

เขาเคยได้รับข้อเสนอให้เข้าเรียนที่สถาบันการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงมหาดไทยของอินโดนีเซีย แต่เขาปฏิเสธข้อเสนอนั้น เพราะอยากเรียนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำให้พ่อแม่ผิดหวังในตัวเขา เวลาผ่านไป ดันธีก็เรียนจบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยพัดจัดจารัน (Padjadjaran University) เมืองบันดุง (Bandung) ในจังหวัดชวาตะวันตก

ในช่วงที่ดันธีเรียนมหาวิทยาลัย เขาเคยเล่นดนตรีและมีวงเป็นของตัวเอง แต่เพราะเงินค่าห้องซ้อมดนตรีที่บันดุงราคาแพงจนจ่ายไม่ไหว เขาจึงเปลี่ยนไปเข้าชมรมหนังสือพิมพ์แทน โดยไม่รู้เลยว่านั่นจะกลายเป็นก้าวแรกของชีวิตในฐานะนักวารสารศาสตร์ เขาได้ฝึกทำทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อโสตทัศน์ ได้เป็นนักข่าว บรรณาธิการ และโปรดิวเซอร์ที่สถานีโทรทัศน์ กระทั่งเขาค้นพบว่าสื่อที่เขาชอบมากที่สุดก็คือ ‘สารคดี’

ดันธีไม่ได้ฝึกฝีมือแค่ในอินโดนีเซียเท่านั้น เขายังได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ Ohio University Internship Program on Broadcast Journalism Covering Conflict ณ สหรัฐอเมริกาในปี 2007 และโครงการ British Council Broadcasting Program ณ กรุงลอนดอนในปี 2008 อีกทั้งยังเข้าร่วมเวิร์กช็อปและสัมมนาด้านวารสารศาสตร์ในหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ ไทย จีน มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ทำให้เขาสะสมประสบการณ์การเป็นนักข่าวสืบสวนในประเด็นความขัดแย้งอย่างเข้มข้น

เมื่อสื่อถูกควบคุมโดยรัฐบาล

ดันธีเล่าว่า ตอนที่เขาเริ่มทำงานสื่อในท้ายทศวรรษ 1990 ขณะนั้นอินโดนีเซียยังอยู่ในยุค ‘เผด็จการซูฮาร์โต’ ที่รัฐบาลเข้ามาแทรกแซง และจำกัดเสรีภาพของสื่อในการนำเสนอข้อเท็จจริง จนนำไปสู่การต่อสู้เพื่อเสรีภาพของสื่อสิ่งพิมพ์อินโดนีเซีย

ตัวเขาเองก็เคยประสบปัญหาจากการนำเสนอประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง เขาต้องถูกเลิกจ้างจากงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ใช่แค่รัฐบาลเท่านั้นที่มองเขาเป็นภัยคุกคาม แต่ยังมีผู้มีอิทธิพลและกลุ่มทุนอีกด้วย แต่ถึงอย่างไร เขาจะไม่ยอมประนีประนอมในหลักการ

เขายอมเสียงาน ดีกว่าเสีย ‘อุดมการณ์’

ในปี 2009 ดันธีตัดสินใจเปิดบริษัทผลิตสื่อของตัวเองในชื่อ ‘WatchdoC’ โดยมุ่งไปที่ประเด็นสิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม และการเมือง แม้ว่าจะไม่มีสปอนเซอร์สนับสนุนการผลิต เขาก็ยังยืนหยัดสร้างผลงานที่สะท้อนความจริงและเป็นกระบอกเสียงของกลุ่มคนที่ถูกมองข้ามในสังคม

เหมืองถ่านหินกับราคาที่ต้องจ่ายด้วยชีวิต

ปี 2015 ดันธีและ ‘สุปาร์ตา อาร์ซ’ (Suparta Arz) ได้ร่วมกันกำกับหนังสารคดี Sexy Killers ที่นำเสนอผลกระทบของอุตสาหกรรมถ่านหินในอินโดนีเซีย โดยที่พวกเขาทั้งคู่ได้เดินทางไปถ่ายทำตามสถานที่แต่ละแห่งด้วยรถจักรยานยนต์

พื้นที่แรกที่ดันธีและสุปาร์ตาต้องการนำเสนอผลกระทบจากสัมปทานเหมืองถ่านหินคือ แถบชานเมืองซามารินดา จังหวัดกาลิมันตันตะวันออก (พื้นที่ของประเทศอินโดนีเซียบนเกาะบอร์เนียว)

ในอดีตรัฐบาลอินโดนีเซียมีโครงการย้ายถิ่นฐาน (Transmigrasi Program) เพื่อแก้ปัญหาประชากรล้นบนเกาะชวา บาหลี และสุมาตรา โดยการกระจายประชากรให้อพยพไปยังพื้นที่ที่มีประชากรน้อยกว่า และจัดการหาที่ดินให้ประชาชนได้มีพื้นที่การเกษตรเลี้ยงชีพ

‘กาลิมันตันตะวันออก’ เคยเป็นแหล่งเพาะปลูกของชาวนา และรายล้อมไปด้วยลำธาร ภูเขา และผืนป่า หลายคนที่นี่ประกอบอาชีพเกษตรกร เติบโตและใช้ชีวิตในท้องไร่ท้องนามานานกว่าสองทศวรรษ ก่อนที่การเข้ามาของธุรกิจอุตสาหกรรมถ่านหินจะทำให้ภูมิทัศน์อันอุดมสมบูรณ์นี้เปลี่ยนแปลงไป

ตามที่ปรากฏในสารคดี แหล่งน้ำที่เคยใสสะอาดกลายเป็นแอ่งโคลนที่ทำให้ปลูกพืชผลไม่ได้ เมื่อเข้าสู่หน้าแล้ง หากไม่มีน้ำฝน พวกเขาก็จำเป็นจะต้องกิน ดื่ม และอาบน้ำซึ่งมีตะกอนดินโคลน หรือสารปนเปื้อนจากเหมืองถ่านหินที่ไหลลงสู่แม่น้ำเท่านั้น

“แต่ก่อนพวกเราก็ทำไร่ทำนากันดี ๆ ไม่เคยเดือดร้อนอะไร แต่พอเหมืองถ่านหินมาตั้งอยู่ใกล้ ๆ คนธรรมดาอย่างเรานี่แหละที่ต้องมาทนทุกข์ ส่วนพวกคนใหญ่คนโตนั่งเฉย ๆ ก็มีเงินใช้ แล้วพวกเราได้อะไร มีแค่ดินโคลนกับน้ำเสียเท่านั้นแหละ” หญิงชาวบ้านคนหนึ่งระบายความในใจในสารคดีถึงสถานการณ์ที่คนในหมู่บ้านต้องเผชิญ

ปัญหาที่สะสมและความสิ้นหวังที่พอกพูน ทำให้ ‘เนามัน เดอมัน’ (Nyoman Derman)' ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านเคอทาบัวนา (Kerta Buana Village) ไม่อาจอยู่เฉยได้ จึงลุกขึ้นมาตั้งแนวกั้นประท้วงเพื่อปกป้องผืนนาของหมู่บ้าน ก่อนจะถูกตั้งข้อหาขัดขวางการดำเนินงานของบริษัทและถูกจำคุกเป็นเวลา 3 เดือน

ระหว่างที่เนามันอยู่ในคุก ธุรกิจเหมืองถ่านหินก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง มีการเสนอซื้อที่ดินกับชาวบ้าน บางคนต้องจำใจขายเพราะทำการเกษตรไม่ได้ อีกส่วนยอมทนทุกข์กับน้ำเสียดีกว่ายอมสละที่ดินของตน แต่เวลาผ่านไป ไร่นาก็กลายเป็นถนนสำหรับขนส่งถ่านหินไปเสียแล้ว

สารคดีนำเสนอคำกล่าวของเนามันเกี่ยวกับความขัดแย้ง ที่ครั้งหนึ่งรัฐบาลเคยมอบผืนนาให้หลังจากที่ย้ายมากาลิมันตัน แต่ต่อมาสัมปทานเหมืองถ่านหินกลับส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและวิถีชีวิตของพวกเขา

นอกจากปัญหาเรื่องที่ดิน บ้านเรือนของชาวบ้านก็เกิดรอยร้าวเสียหาย และพังทลายหลายหลังจากการสั่นสะเทือน และเด็กจำนวนมากที่ต้องเสียชีวิตจากการจมน้ำในบ่อน้ำเหมืองร้าง ซึ่งควรจะได้รับการฟื้นฟูหรือถมดินให้มีสภาพดังเดิม สะท้อนถึงปัญหาด้านความปลอดภัย

สารคดีนำคลิปที่สื่อมวลชนจ่อไมค์ถามผู้ว่าราชการจังหวัดถึงการสูญเสียและแนวทางการแก้ปัญหา แต่ผู้ว่าฯ กลับตอบในทำนองว่า “ก็คงเป็นโชคชะตาที่พวกเขาต้องตายในบ่อนั้น” และรวมถึงคำสัมภาษณ์ที่ไม่มีทีท่าจะสลด อ้างเพียงว่า “เคยติดป้ายแจ้งให้ระวังไปแล้ว”

‘ราห์มาวาตี’ (Rahmawati) แม่ของเด็กชาย ‘ไรฮาน ซาปูตรา’ (Raihan Saputra) ที่เสียชีวิตจากการจมน้ำในบ่อน้ำเหมืองร้าง ให้สัมภาษณ์กับสารคดีว่าเธอยังคงรู้สึกเจ็บปวดและโกรธแค้นต่อรัฐบาลและบริษัทที่มองเหตุการณ์ที่คร่าชีวิตของลูกชายเป็นเพียงอุบัติเหตุธรรมดา

“รัฐบาลเคยให้คำมั่นว่าจะดูแลให้พื้นที่รอบบ่อเหมืองปลอดภัย แต่ความจริงแล้วที่นั่นมีแต่แผ่นสังกะสีเก่า ๆ มาติดไว้แล้วเขียนลวก ๆ ว่า ‘ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่น’ แค่นั้นเองค่ะ” คุณแม่เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

นี่เป็นเพียงปัญหาส่วนหนึ่งในพื้นที่หนึ่งเท่านั้น สารคดีของดันธียังนำเสนอผลกระทบอีกมากมายและหลายแห่งที่เกิดขึ้นจากสัมปทานเหมืองถ่านหิน ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งถ่านหินทางเรือปริมาณ 600,000 ตัน วันละ 2-3 ลำ ซึ่งส่งผลต่อสภาพแวดล้อมทางทะเล เป็นเหตุให้ปะการังเกิดความเสียหาย และสัตว์ทะเลบางชนิดเสี่ยงสูญพันธุ์ ตามมาด้วยการตั้งข้อหากับชาวบ้านที่ปฏิเสธการขายที่ดิน เวลาที่มีการประท้วงก็มีการสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงจนประชาชนได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้าหลายแห่งที่สร้างใกล้กับที่อยู่อาศัยผู้คน ทำให้ต้องสูดดมฝุ่นดำจากถ่านหินทุก ๆ วัน บางคนเป็นโรคปอด หอบหืด มะเร็ง และเสียชีวิตในที่สุด

การนำเสนอความเชื่อมโยงระหว่างการเมืองและธุรกิจพลังงาน

สารคดี Sexy Killers นำเสนอคลิปการดีเบตเลือกตั้งของประธานาธิบดีระหว่าง ‘โจโก วิโดโด’ (Joko Widodo) และ ‘ปราโบโว ซูเบียนโต’ (Prabowo Subianto) ทั้งคู่แสดงจุดยืนว่า จะดำเนินคดีกับผู้ที่ละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมให้ถึงที่สุด และจะดำเนินมาตรการนโยบายพลังงานสะอาดเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม

สารคดีนำเสนอข้อมูลว่า ผู้ที่มีอำนาจในการอนุมัติสัมปทานและโครงการพลังงานของอินโดนีเซีย ล้วนเป็นนักการเมืองและบุคคลระดับสูงของประเทศ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับธุรกิจเหมืองถ่านหินและโรงไฟฟ้ารายใหญ่

ในสารคดี ดันธีนำเสนอโครงสร้างที่ซับซ้อนของเครือข่ายธุรกิจเหมืองถ่านหินและโรงไฟฟ้า โดยอ้างอิงข้อมูลสาธารณะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองและบริษัทพลังงาน

ดันธีให้สัมภาษณ์ว่า หากเป็นประเทศอื่น กลุ่มนายทุนอาจต้องล็อบบี้นักการเมืองเพื่อให้รัฐสนับสนุนธุรกิจของพวกเขา แต่สำหรับอินโดนีเซีย นักการเมืองกลับมีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจเหล่านั้น ไม่ว่าจะในฐานะเจ้าของหรือหุ้นส่วน และธุรกิจเหล่านี้ถูกออกแบบให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งการเคลียร์พื้นที่ การถมดิน การเข้าครอบครองที่ดิน การวางแผนพื้นที่สำหรับการโยกย้ายประชากร จนถึงผลิตภัณฑ์ไม้

“ถ้าคุณดูภาพยนตร์ Sicko ของไมเคิล มัวร์ จะเห็นว่าบริษัทเภสัชขนาดใหญ่กำลังล็อบบี้กลุ่มนักการเมืองชั้นนำ สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศเหล่านี้ คือกลุ่มผลประโยชน์ต้องการซื้อนักการเมืองให้สนับสนุนตนเอง แต่ที่อินโดนีเซียไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เพราะคนกำหนดนโยบายหลายคนมีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจอยู่แล้ว” ดันธีกล่าว

ดันธีวิเคราะห์ว่า ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ประชาชนโดยเฉพาะคนตัวเล็กตัวน้อยในสังคมมักเป็นฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ

ถึงเวลานำเสนอข้อมูลสู่สาธารณะ

ดันธีเผยแพร่คลิปสารคดี Sexy Killers ลงบนยูทูบในวันที่ 13 เมษายน ปี 2019 หรือไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี และผลตอบรับนั้นเกินคาด เพราะเพียง 3 วันแรกก็มียอดผู้ชมทะลุ 10 ล้านครั้ง กลายเป็นไวรัลในอินเทอร์เน็ต สังคมเริ่มถกประเด็นเรื่องความโปร่งใสของพรรคการเมืองและอุตสาหกรรมถ่านหิน

ต่อมา WatchdoC ได้จัดโรดโชว์ฉายสารคดีไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหมืองถ่านหิน โดยรวมแล้ว Sexy Killers ถูกนำไปฉายในกว่า 476 พื้นที่ทั่วอินโดนีเซีย ซึ่งทั้งหมดจัดขึ้นโดยผู้สนับสนุนอิสระจากภาคประชาชน

ดันธีวิเคราะห์ว่า การเผยแพร่คลิปใกล้วันเลือกตั้งไม่ใช่เหตุผลข้อเดียวที่สังคมให้ความสนใจอย่างล้นหลาม แต่เป็นเพราะหนังมีเนื้อหาสาระที่กระตุ้นความสนใจ และตรงประเด็น บางข้อมูลเป็นความรู้ใหม่ของคนดู และต่อให้บางเรื่องไม่ใช่เรื่องใหม่ขนาดนั้น แต่เพราะสื่อกระแสหลักไม่ค่อยนำเสนอ ทำให้คนให้ความสนใจ

ดันธีวิเคราะห์ว่า ข้อที่สำคัญที่สุด คือความเบื่อหน่ายกับการถกเถียงทางการเมืองที่ไร้สาระสำคัญ เพราะแม้บนเวทีดีเบต ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะมีจุดยืนทางการเมืองต่างกัน แต่เบื้องหลังมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน

ในขณะเดียวกัน ดันธีก็เจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากคนอีกกลุ่ม โดยเฉพาะจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหินและพลังงาน มีความพยายามที่จะด้อยค่า เซ็นเซอร์ สั่งห้ามฉาย พร้อมกับกล่าวหาว่าเขามีเจตนาปลุกปั่นให้ผู้คนโหวตงดใช้เสียงในการเลือกตั้ง และสร้างความเกลียดชังต่อผู้สมัครประธานาธิบดี อีกทั้งข้อความข่มขู่และการกลั่นแกล้งทางโซเชียลมีเดีย

แม้จะไม่มีการดำเนินคดีอาญา หรือผลกระทบทางการเมืองต่อผู้ที่ถูกกล่าวถึงในสารคดี แต่สิ่งที่ดันธี ดวี ลักโซโนทำได้สำเร็จ คือการกระตุ้นให้ผู้คนหันมาตั้งคำถามกับระบบที่เชื่อมโยงกันระหว่างการเมือง ธุรกิจ และทรัพยากรธรรมชาติ ประชาชนได้เห็นมิติต่าง ๆ ของอุตสาหกรรม ‘พลังงาน’ ที่ไม่เพียงขับเคลื่อนประเทศ แต่ยังส่งผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่น

การทำงานของดันธี คือการยืนยันบทบาทของวารสารศาสตร์สืบสวนในการนำเสนอข้อมูลที่สาธารณะควรรู้ แม้จะต้องเจอกับความเสี่ยงและแรงกดดัน เขาแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ ‘การไม่ยอมเงียบ’ เมื่อเห็นสถานการณ์ที่ไม่เป็นธรรม และจิตวิญญาณของนักข่าวที่ต้องนำเสนอเรื่องราวของคนตัวเล็กตัวน้อย ซึ่งมักไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร

 

เรื่อง: นุศรา นภาวัฒนากูล 

 

หมายเหตุสำคัญ: ข้อมูลที่ปรากฏในบทความนี้ มีที่มาจากสารคดีดังกล่าว การให้สัมภาษณ์ของผู้กำกับและผู้เกี่ยวข้อง ข้อมูลสาธารณะที่สามารถตรวจสอบได้ และแหล่งข้อมูลที่ระบุไว้ในบรรณานุกรม ผู้เขียนนำเสนอในฐานะการรายงานข่าวและวิเคราะห์งานสารคดี มิได้มีเจตนายืนยันหรือปฏิเสธข้อเท็จจริงใด ๆ ที่อยู่นอกเหนือจากขอบเขตของแหล่งข้อมูลที่อ้างอิง ผู้อ่านควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลหลักเพื่อสร้างความเข้าใจที่รอบด้าน

 

อ้างอิง: 

Syahni, Della. “In ‘Sexy Killers,’ Journos Probe Indonesian Candidates’ Ties to Big Coal.” Mongabay Environmental News, 16 Apr. 2019, news.mongabay.com/2019/04/in-sexy-killers-journos-probe-indonesian-candidates-ties-to-big-coal/.

Sasono, Eric. “Sexy Killers: Bringing the Coal Industry and the Oligarchs into Focus.” Inside Indonesia, edition 142, Oct.–Dec. 2020, insideindonesia.org/editions/edition-142-oct-dec-2020/sexy-killers.

“Indramayu Halts ‘Sexy Killers’ Screening for Alleged Hate Speech.” The Jakarta Post, 16 Apr. 2019, www.thejakartapost.com/news/2019/04/16/indramayu-halts-sexy-killers-screening-for-alleged-hate-speech.html.

Laksono, Dandhy Dwi. “Dandhy Dwi Laksono: Rebel with a Cause.” The Jakarta Post, 9 Mar. 2012, www.thejakartapost.com/news/2012/03/09/dandhy-dwi-laksono-rebel-with-a-cause.html.

“Profil Dandhy Dwi Laksono, Sutradara Film Dirty Vote Setelah Sexy Killer dan Pulau Plastik.” Tempo.co, 12 Feb. 2024, www.tempo.co/hiburan/profil-dandhy-dwi-laksono-sutradara-film-dirty-vote-setelah-sexy-killer-dan-pulau-plastik-88235.

“Dirty Vote – Full Film.” YouTube, https://www.youtube.com/watch?v=9f4yD44blpw.