22 ก.ย. 2568 | 16:13 น.
KEY
POINTS
สถานีรถไฟเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ผู้คนเลือกจบชีวิต เพื่อปลดความทุกข์ที่อยู่ในใจพร้อมกับบอกลาชีวิตที่ต้องฝ่าฟันหลายอุปสรรค โดยไม่รู้ว่าจะต้องสู้กับความรู้สึกนี้ไปอีกนานเท่าไร
ปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ บางคนอาจมองเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือถูกคนอื่นตัดสินว่า ไม่มีความอดทน ทำไมใจไม่สู้เลย จนลืมคิดไปว่า พวกเขาอาจกำลังต่อสู้กับความทุกข์นั้นอยู่ และต้องการคนรับฟัง
เพราะอย่างนั้น ‘คำพูดและกำลังใจ’ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้คนคนหนึ่งมีแรงก้าวต่อไป และแม้ว่าปัญหานั้นจะไม่ได้หายไปไหน แต่ช่วยให้พวกเขาจิตใจแข็งแกร่งมากกว่าเดิม
เหมือนที่ ริซวาน จาเวด ช่วยเหลือผู้คนด้วยความเข้าใจและเอาใจใส่มาโดยตลอด เขานั้น คือเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยประจำสถานีรถไฟแพดดิงตัน (Paddington Station) บนเส้นทางเอลิซาเบธ ไลน์ (Elizabeth Line)
หน้าที่ของเขาในสถานี คือการดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสารขณะสัญจร และอีกหน้าที่ คือการเป็นพื้นที่ปลอดภัยในฐานะเพื่อนมนุษย์
บางครั้งคำพูดเพียงไม่กี่คำ และการรับฟังและอยู่เคียงข้างด้วยใจจริง เราอาจเป็นแสงเล็ก ๆ ให้ใครสักคนอยากมีชีวิตอยู่ต่อก็ได้
ฮีโร่ในภาพจำของเรา ต้องใส่ชุดเกราะสวมผ้าคลุม ถือโล่ ดาบ หรือค้อนวิเศษ ไม่ก็มีเวทมนตร์เป็นอาวุธประจำกายตามที่เราคุ้นเคยในโลกภาพยนตร์
แต่ริซวาน ฮีโร่ชานชาลาคนนี้ สวมเพียงชุดพนักงานรถไฟที่มีคำพูดและหัวใจเป็นอาวุธ
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้น ในปี 2015 ริซวานเข้าร่วมการอบรมจาก ‘สะมาริตันส์’ สมาคมที่เป็นเพื่อนพูดคุยทางโทรศัพท์ให้กับผู้ที่เผชิญความทุกข์ใจ หรือคิดทำร้ายตัวเอง ซึ่งเป้าหมายของการอบรม คือ เพื่อให้พนักงานรถไฟทุกคนสามารถเข้าไปช่วยเหลือคนที่เปราะบางทางจิตใจได้
แต่การอบรมครั้งนั้น ทำให้ริซวานมีทักษะการพูดคุย การรับฟังที่ยอดเยี่ยม การสังเกตและการพินิจพิเคราะห์อย่างรวดเร็วว่าใครคนใดมีแนวโน้มจะจบชีวิตตัวเอง
“พวกเขาจะยืนอยู่บนชานชาลาเพียงลำพัง ปล่อยให้รถไฟผ่านไปหลายขบวนโดยไม่ขึ้น หรือไม่ก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของเขาออก” ริซวานเล่าถึงประสบการณ์ที่เคยเจอ
ทุกครั้งที่เขาเห็นคนที่กำลังทุกข์ใจ เขาจะเดินเข้าไปชวนคุย เริ่มจากเรื่องฝนฟ้าอากาศ หรือเสื้อผ้าที่ใส่มาวันนี้ แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนหัวข้อที่พูดคุยกันไปเรื่อย ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายลืมความเศร้าและความทุกข์ไปชั่วครู่
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายแล้ว ริซวานก็จะเป็นคนรับฟังความรู้สึกของคนตรงหน้าแทน
“ตอนแรกผมก็ลังเล คิดอยู่เหมือนกันว่า ต้องพูดยังไงถึงจะถูกต้อง แต่สุดท้ายก็เริ่มจากเรื่องง่าย ๆ อย่างสภาพอากาศ แล้วเขาก็ค่อย ๆ เล่าเรื่องราวชีวิตของเขาให้ผมฟัง”
ครั้งนี้ ริซวานเคยเห็นผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับเขา กำลังถอดเสื้อผ้าแล้วขยับตัวเข้าใกล้ชานชาลา เขาเลยรีบวิ่งไปพูดคุยกับหญิงสาวเพื่อไม่ให้จบชีวิตตัวเอง ก่อนจะโทรเรียกผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินมา
หลังจากนั้น ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา หญิงสาวคนนั้นวิ่งเข้ามาหาริซวาน สวมกอดและกล่าวขอบคุณเขาที่ช่วยชีวิตเธอไว้ เหตุการณ์นั้นทำให้เขารู้สึกตื้นตันใจว่า เขาเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ให้เกิดความสูญเสียไว้ได้ และเขาตั้งมั่นว่าจะช่วยเหลือผู้คนต่อไปให้ได้มากที่สุด
“พวกเขาทำให้ผมเติบโตขึ้นในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายมายและซาบซึ้งกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราอาจมองข้ามไปในแต่ละวัน อยากขอบคุณพวกเขาที่อยู่เคียงข้างกัน และทำให้ผมเป็นอย่างที่เป็นในวันนี้”
นอกจากบทบาทของฮีโร่ที่เป็นเซฟโซนให้คนอื่นแล้ว อีกเรื่องที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักทั่วอังกฤษ คือ การที่เขาได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จักรวรรดิบริติช (MBE) เพื่อยกย่องบทบาทในการบริการแก่ผู้ที่เปราะบาง (Services to vulnerable people) ในปี 2024
ริซวานเล่าว่า วันที่เขาได้รับจดหมายจากพระราชวังที่จ่าหน้าซองถึงเขา ขณะนั้นเขายังนอนหลับหลังจากเลิกกะดึกมา แม่กับพี่สาวเดินเข้ามาในห้องและพยายามคะยั้นคะยอให้เขาลุกขึ้นมาเปิดอ่าน แต่ด้วยความตื่นเต้นและภาคภูมิใจที่เอ่อล้น สุดท้ายแม่ของเขาก็เป็นคนเปิดจดหมายฉบับนั้นแทนเจ้าตัวเสียเอง
“คุณแม่ตื่นเต้นแทนผมมากกว่าตัวผมเองเสียอีก ตอนนั้นผมยังงัวเงียอยู่เลย แต่พอแม่บอกแบบนั้น ผมต้องอ่านซ้ำอยู่เกือบสิบรอบถึงจะเชื่อ มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ
“นี่คือโอกาสดีที่เราจะช่วยผลักดันให้สังคมตระหนักถึงเรื่องสุขภาพจิตในวงกว้าง และถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของผมและเพื่อน ๆ ทุกคนที่สถานี ในงานที่เราทุ่มเทและรักทุกวันครับ”
ริซวานยังบอกอีกว่า การได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงดูและปลูกฝังให้เขารู้จักช่วยเหลือผู้อื่นมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือใครก็ตาม การได้รับรางวัลทำให้เขารู้สึกมีความมั่นใจกับภารกิจที่ทำ และสัญญาว่าจะต่อยอดสิ่งที่ทำอยู่ให้มีผลต่อผู้คนมากกว่าเดิม
ทุกวันนี้สังคมให้ความสำคัญและสร้างความตระหนักรู้ถึงโรคซึมเศร้า ความเครียด ความวิตกกังวล และอาการทางจิตเวชอื่น ๆ มากขึ้นจากอดีต แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ ‘ทุกคน’ เห็นด้วยว่าสุขภาพจิตเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด รวมถึงการมีพื้นที่ที่จะมีคนรับฟังพวกเขาอย่างเต็มที่ และเข้าถึงได้ทุกคนจริง ๆ
“สังคมเอเชียยังไม่ค่อยพูดถึงประเด็นสุขภาพจิตมากพอ” เขากล่าว
“การที่เรามีเส้นกั้นเรื่องความเคารพกับพ่อแม่หรือคนในบ้าน ทำให้บางครั้งเราไม่สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง เราจำเป็นต้องทลายกำแพงนั้นออกไป เยาวชนควรจะสามารถเข้าหาพ่อแม่และพูดคุยถึงปัญหาที่ตัวเองเผชิญอยู่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็จะช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมได้มากครับ”
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ริซวานยังคงเป็นอาสาสมัครของสมาคมสะมาริตันส์ และมีส่วนร่วมในการรันแคมเปญต่าง ๆ ของสมาคม เช่น ‘Small Talk Saves Lives’ ที่สนับสนุนให้ทุกคนเป็นเพื่อนพูดคุยเมื่อพบเจอคนที่มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ณ สถานที่ใดที่หนึ่ง
และด้วยความเชื่อที่ว่า ‘เราทุกคนเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้น่าอยู่ได้’ เขาจึงขับเคลื่อนความเชื่อนี้โดยใช้ TikTok และ Instagram เป็นช่องทางแบ่งปันเรื่องราว และผลักดันประเด็นเรื่องสุขภาพจิตในสังคมให้ได้มากที่สุด รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนในสังคมอยากเป็นฮีโร่ที่โอบกอดและปลอบประโลมเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองได้ แม้เราจะไม่ใช่จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาก็ตาม
“ผมอยากให้ทุกคนลองเปิดใจดูครับ ถึงแม้บางครั้งเราอาจต้องขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าก็ตาม อย่ากลัวว่าจะถูกตัดสิน อย่าเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว ลองพูดมันออกมา เพราะเรื่องราวของคุณอาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น ๆ ที่กำลังต่อสู้กับสิ่งเดียวกัน
"เมื่อได้ฟังเรื่องของคุณ อาจสร้างความมั่นใจและความกล้าให้พวกเขาก้าวข้ามปัญหาที่เผชิญอยู่ก็ได้”
อ้างอิง
We Meet the Hero Railway Worker Who’s Saved 29 Lives | This Morning
‘The aim is to inspire other people fighting a similar battle’ / hyphen
Elizabeth line: Rail worker Rizwan Javed honoured for saving 29 lives / BBC
‘It’s about listening and responding’: MBE for station assistant who saved 29 people / The Guardian