16 มิ.ย. 2568 | 17:00 น.
เป็นเวลา 116 ปีแล้วที่หน่วยข่าวกรองต่างประเทศของสหราชอาณาจักร หรือ MI6 ไม่เคยมี ‘ผู้หญิง’ ขึ้นมาเป็นผู้นำ หน่วยงานที่ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่ คอยปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติมาอย่างยาวนาน แม้ว่าวิธีการโต้ตอบของเหล่า ‘สายลับ’ ทั่วโลกอาจปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย แต่หนึ่งในสิ่งที่หล่อหลอมทำให้พวกเขาแกร่งกว่าชาติใดคงหนีไม่พ้นเรื่องของเทคโนโลยี
‘เบลซ เมทรีเวลลี’ (Blaise Metreweli) ในวัย 47 ปี ผู้นำหญิงคนใหม่ของ MI6 คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีระดับสูง เธอพัฒนา คิดค้น และส่งออกให้เหล่าเอเจ้นท์ทำงานได้อย่างราบรื่น การขึ้นมารับตำแหน่งของเธอจึงไม่ต่างกับการประกาศกร้าวว่า MI6 พร้อมตอบโต้ภัยคุกคามทั้งภาคพื้นดินและทางไซเบอร์อย่างเต็มตัว
และนี่คือเรื่องราวของเธอกับหน่วยงานแสนลึกลับในวันที่มีผู้นำหญิงคนแรกในรอบ 116 ปี
โดยปกติแล้ว หัวหน้าของหน่วยข่าวกรอง MI6 มักถูกเรียกโดยใช้รหัสว่า ‘C’ โดยเขาหรือเธอจะต้องรายงานตรงต่อรัฐมนตรีต่างประเทศ และเป็นเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียวของหน่วยงานที่ได้รับการเปิดเผยชื่อสู่สาธารณะ
C ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของคณะกรรมการข่าวกรองร่วม (Joint Intelligence Committee) และเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูง หน้าที่ของคณะกรรมการนี้คือ รับข้อมูลข่าวกรอง วิเคราะห์สถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ และให้คำแนะนำต่อนายกรัฐมนตรี
หลายคนมักเข้าใจว่า C ย่อมาจาก Chief แต่ในประวัติศาสตร์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะตัวอักษร C ถูกใช้ครั้งแรกโดย ‘กัปตัน แมนส์ฟิลด์ คัมมิง’ (Captain Mansfield Cumming) ซึ่งมักลงชื่อในจดหมายว่า C และรหัสนี้ก็กลายเป็นธรรมเนียมที่ใช้ต่อกันมา
นอกจากลงท้ายจดหมายด้วย C แล้ว กัปตันคัมมิงยังใช้หมึกสีเขียวในการเขียนจดหมาย และจนถึงทุกวันนี้ หัวหน้า MI6 ยังคงเป็นบุคคลเดียวในทำเนียบรัฐบาลที่เขียนด้วยหมึกสีเขียว
สำหรับคำถามว่า C มีสิทธิ์ออกใบอนุญาตสังหารหรือไม่? คำตอบคือ ไม่ใช่ แต่ รัฐมนตรีต่างประเทศสามารถอนุญาตได้ ภายใต้ มาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติหน่วยข่าวกรอง ปี 1994 (Intelligence Services Act 1994) เจ้าหน้าที่ของ MI6 สามารถได้รับอนุญาตให้ดำเนินการบางอย่างที่โดยทั่วไปถือว่าผิดกฎหมาย รวมถึงการใช้กำลังถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งกระบวนการอนุมัตินั้นมีความซับซ้อนและต้องใช้เวลา
ส่วนประวัติของเมทรีเวลลีเองก็หาได้ยากยิ่ง เพราะเธอคนนี้ไม่เล่นโซเชียลมีเดีย ไม่มีร่องรอยปรากฎให้เห็นบนโลกออนไลน์ ถึงจะมีข้อมูลเผยออกมาให้เห็นเพียงน้อยนิด เช่น เธอเคยดำรงตำแหน่งในระดับผู้อำนวยการหลายตำแหน่งในหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ รวมถึงในหน่วยข่าวกรองภายในประเทศ MI5 ซึ่งส่วนใหญ่เธอมักทำงานอยู่ในตะวันออกกลางและยุโรปเป็นหลัก แต่นั่นก็เพียงพอทำให้เราเห็นถึงความสามารถของหญิงที่สุดแสนจะลึกลับคนนี้
และหากย้อนกลับไปให้ไกลกว่านั้น เมทรีเวลลีเริ่มงานสายลับในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ข่าวกรองตั้งแต่ปี 1999 ก่อนจะได้รับความไว้วางใจจนขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ ‘Q’ (Director General ‘Q’) ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกเทคโนโลยีและนวัตกรรม หน่วยงานสำคัญที่มีหน้าที่รักษาความลับของตัวตนสายลับ และพัฒนาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากศัตรู เช่น ระบบตรวจจับชีวภาพ หากอธิบายให้เห็นภาพชัดคงคล้ายกับตัวละครในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ ตัวละคร Q หรือ Quartermaster ล่าสุดรับบทโดย ‘เบน วิชอว์’ (Ben Whishaw) ทำหน้าที่คิดค้นอุปกรณ์สุดล้ำ
โดยเมทรีเวลลีจะเข้ามาสานต่อเจตนารมย์ของ ‘เซอร์ ริชาร์ด มัวร์’ (Sir Richard Moore) ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 หลังจากชายคนนี้ทำหน้าที่มาเป็นเวลาเกือบ 5 ปี นับตั้งแต่เข้ารับหน้าที่ในเดือนกันยายน 2020 ซึ่งถือว่าเป็นวาระสูงสุด (อย่างไม่เป็นทางการ) สำหรับหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของอังกฤษ โดยหลังพ้นวาระมักจะไปทำงานในภาคเอกชนหรือที่ปรึกษา และเมทรีเวลลีจะกลายเป็นหัวหน้าคนที่ 18 ของ MI6
ต้องบอกว่าเซอร์ริชาร์ด มัวร์ กับเมทรีเวลลี มีเส้นทางอาชีพแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเมทรีเวลลี มีเลือดของสายลับเข้มข้น งานแรกของเธอหลังเรียนจบจากคณะมานุษยวิทยาสังคม (Social Anthropology) มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University) คือหน่วยข่าวกรอง ต่างจาก มัวร์ผู้เป็นนักการทูต เคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำประเทศตุรกีเป็นเวลา 4 ปี และสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับประธานาธิบดี เรเจป ทายยิป แอร์โดอัน (Recep Tayyip Erdoğan) ของตุรกี
ในช่วงดำรงตำแหน่งของเขา MI6 ต้องรับมือกับวิกฤตระดับนานาชาติหลายครั้ง โดยเฉพาะการเตือนสาธารณะและเป็นการภายในต่อ ความตั้งใจของ ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ (Vladimir Putin) ที่จะรุกรานยูเครน ก่อนที่สงครามเต็มรูปแบบจะเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
“MI6 มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานร่วมกับ MI5 และ GCHQ (หน่วยข่าวกรองและความมั่นคงของสหราชอาณาจักร) ในการปกป้องประชาชนชาวอังกฤษ และดูแลประโยชน์ของสหราชอาณาจักรในต่างแดน ฉันตั้งตารอที่จะได้ทำงานนี้ต่อไปเคียงข้างเจ้าหน้าที่และสายลับผู้กล้าหาญของ MI6 รวมถึงพันธมิตรระหว่างประเทศของเราอีกมากมาย” หัวหน้าคนใหม่ของ MI6 กล่าว หลังจากได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Companion of the Order of St Michael and St George (CMG) เมื่อปี 2024
และหากย้อนกลับไปในเดือนธันวาคม 2021 ขณะเธอยังทำงานอยู่ที่ MI5 เมทรีเวลลี (Metreweli) เคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Telegraph โดยใช้นามแฝงว่า ‘ผู้อำนวยการ K’ (Director K) โดยเธอกล่าวว่า ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหราชอาณาจักรในปัจจุบันนั้นมีความหลากหลายกว่าในอดีตมากโข
“ภัยคุกคามที่เรากำลังเผชิญอยู่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการปกป้องรัฐบาล ปกป้องความลับ ปกป้องประชาชนของเรา เช่น การต่อต้านการลอบสังหาร รวมถึงการปกป้องเศรษฐกิจ เทคโนโลยีที่มีความอ่อนไหว และองค์ความรู้ที่สำคัญ”
พร้อมเสริมว่า “กิจกรรมของเคลมลิน ไม่ได้หมายรวมถึงประเทศรัสเซียโดยตรง ยังคงเป็นภัยคุกคาม และจีนก็กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีของโลก ซึ่งเปิดโอกาสและก่อให้เกิดภัยคุกคามอย่างมากต่อสหราชอาณาจักร”
อย่างไรก็ตาม องค์กรที่เมทรีเวลลีจะเข้ามาบริหารกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่และหลายด้านอย่างไม่เคยมีมาก่อน ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ความท้าทายหลักมาจาก รัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ซึ่งกำลังร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อลดทอนอิทธิพลของสหราชอาณาจักรและประเทศตะวันตกทั่วโลก
ขณะเดียวกันก็มีความท้าทายทางเทคโนโลยีตามมาอย่างมหาศาล ในยุคที่นวัตกรรมดิจิทัลก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว MI6 จำเป็นต้องเร่งพัฒนาให้ทันศัตรู และต้องรักษาความเกี่ยวข้องของตนในยุคที่ข่าวกรองจำนวนมากถูกเก็บรวบรวมผ่านทางออนไลน์
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2025 เซอร์ริชาร์ด มัวร์ซึ่งจะพ้นจากตำแหน่งในฤดูใบไม้ร่วง หลังจากดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลา 5 ปี กล่าวว่า เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับการแต่งตั้งอันเป็นประวัติศาสตร์ของเพื่อนร่วมงานหญิงคนนี้
“เบลซเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองและผู้นำที่มีความสามารถสูง และเป็นหนึ่งในนักคิดชั้นนำด้านเทคโนโลยีของเรา”
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศ ‘เดวิด แลมมี’ (David Lammy) ซึ่งเมทรีเวลลีจะรายงานตรงในฐานะหัวหน้า MI6 คนใหม่ กล่าวว่า เธอเป็นผู้สมัครในอุดมคติและจะรับมือกับความท้าทายของความไม่มั่นคงทั่วโลกและภัยคุกคามด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ได้อย่างมั่นใจ
“ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับเธอในฐานะหัวหน้าหญิงคนแรกของ MI6
“ผมขอแสดงความขอบคุณต่อเซอร์ริชาร์ด มัวร์ สำหรับการรับใช้ชาติและความเป็นผู้นำของเขา
“ผมเคยทำงานใกล้ชิดกับเขา และขอขอบคุณสำหรับบทบาทของเขาในการเสริมสร้างความมั่นคงของชาติและการปกป้องประชาชนชาวอังกฤษ”
ในโลกยุคใหม่ที่ใครต่อใครก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเสรี ข่าวคราวของ ‘คนธรรมดา’ ที่เจาะระบบหน่วยงานรัฐได้อย่างไม่คาดฝัน กลายเป็นภาพสะท้อนของภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่รุกล้ำเข้ามาโดยไม่ต้องใช้อาวุธหนักเหมือนอย่างเก่า
ท่ามกลางสนามรบไร้รูปที่ซ่อนอยู่ในทุกคลื่นสัญญาณ การพัฒนาเทคโนโลยีให้ล้ำหน้าอยู่เสมอจึงไม่ใช่ทางเลือก หากแต่เป็นพันธกิจสำคัญขององค์กรข่าวกรองอย่าง MI6
และภารกิจนั้น ในวันนี้อยู่ในมือของ เบลซ เมทรีเวลลี และเธอกำลังจะก้าวขึ้นมาเขียนหน้าประวัติศาสตร์บทใหม่ให้กับความมั่นคงของชาติ
เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง
อ้างอิง
Blaise Metreweli named as first woman to lead UK intelligence service MI6
MI6 appoints first female chief in 116-year history
Meet Blaise Metreweli, the first woman chief of UK spy agency MI6