29 ต.ค. 2568 | 09:13 น.

KEY
POINTS
ทุกเดือนตุลาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบตะวันตกมักจะถูกเรียกกันว่า ‘Season of the Witch’ หรือ ‘ฤดูกาลแห่งแม่มด’ จากชื่อนี้เราคงจะเห็นภาพผู้หญิงหน้าตาน่ากลัวสวมหมวกปลายแหลม ขี่ไม้กวาด ท่องคาถาประหลาด หรือพ่วงสัตว์ประจำตัวอย่างแมวดำ
แต่ในอีกด้านหนึ่ง คำว่า ‘แม่มด’ เคยเป็นมากกว่าภาพแฟนตาซีหรือความบันเทิง มันคือคำกล่าวหาที่เคยทำลายชีวิตของผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ถูกมองว่าผิดแผก แตกต่าง หรือกล้าคิดต่างจากขนบของสังคมในยุคนั้น
หนึ่งในเหตุการณ์ที่โด่งดังที่สุดคือ ‘การล่าแม่มดแห่งซาเล็ม’ (The Salem Witch Trials) เมื่อปี ค.ศ. 1692 ณ เมืองเล็ก ๆ ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เหตุการณ์อันโกลาหลนี้ได้สร้างบาดแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจให้กับผู้คน หนึ่งในนั้นคือ ‘ทิทูบา’ (Tituba) หญิงสาวเชื้อสายแคริบเบียนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด
ย้อนไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 อาณานิคมอังกฤษใน ‘โลกใหม่’ ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการสถาปนาอัตลักษณ์และระเบียบสังคม ‘ซาเล็ม’ (Salem Village) ก่อตั้งโดยกลุ่มโปรเตสแตนต์สายปุริตัน (Puritans) ที่อพยพมาจากอังกฤษเพื่อสร้างชุมชนต้นแบบของ ‘เมืองศักดิ์สิทธิ์’ (City upon a Hill) ตามคติของ ‘จอห์น วินธรอป’ (John Winthrop) สังคมปุริตันเคร่งครัดทางศีลธรรม การไม่เชื่อฟังศาสนาถูกมองว่าเป็นภัยต่อพระเจ้าและสังคม เขาเชื่อว่าการมีทรัพย์สินเงินทองมากจะทำให้พระเจ้ารับมนุษย์ขึ้นสวรรค์ ทำให้คนยากจน คนผิวสี หรือคนที่แตกต่าง ถูกมองว่าด้อยกว่า
ซาเล็มในตอนนั้นเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความเชื่อในปีศาจและแม่มด บรรยากาศตึงเครียดทั้งด้านศาสนา เศรษฐกิจ และการเมือง การเป็นชุมชนต้นแบบของเมืองศักดิ์สิทธิ์ทำให้ชาวบ้านต้องรักษาความบริสุทธิ์และความเป็นระเบียบทุกด้าน
วันหนึ่ง กลุ่มเด็กหญิงในหมู่บ้านเริ่มมีอาการประหลาด ตัวแข็งเกร็ง ชัก ตะโกน พูดเพ้อถึงปีศาจ หมอในหมู่บ้านตรวจแล้วบอกว่า “นี่เป็นฝีมือของแม่มด” ประโยคนี้เป็นชนวนให้ทั้งหมู่บ้านเริ่มตื่นตระหนก
เด็กคนหนึ่งที่แสดงอาการนั้นคือ ‘อบิเกล วิลเลียมส์’ (Abigail Williams) หลานสาวของ ‘บาทหลวงซามูเอล แพริส’ (Samuel Parris) อีกคนหนึ่งที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกันคือ ‘ทิทูบา’ (Tituba) หญิงรับใช้เชื้อสายแคริบเบียนที่ถูกซื้อมาจากบาร์เบโดสมาเป็นทาสในครัวเรือน
ในฐานะผู้หญิงผิวสีในบ้านของบาทหลวงแพริสที่เป็นคนผิวขาว ทิทูบาจึงเผชิญอคติทั้งเรื่องเชื้อชาติและศาสนา พฤติกรรมหรือพิธีกรรมพื้นเมืองของเธอถูกมองว่าเป็นเวทมนตร์หรือปีศาจ เช่น การเสี่ยงเซียมซีด้วยไข่ในน้ำ ถูกตีความว่าเป็นพิธีต้องห้ามของโบสถ์ปุริตัน สังคมซาเล็มมองว่าคนผิวสีและชาวอินเดียนแดงมีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์และไสยศาสตร์
มีข้อมูลกล่าวว่าเมื่อทิทูบาถูกนำขึ้นศาล เธอพูดถึงการทำเค้กแม่มด (Witch-Cake) ในวัฒนธรรมของเธอ ซึ่งผสมปัสสาวะเด็กกับข้าวไรย์ให้สุนัขของตระกูลแพริสกิน สิ่งนี้ทำให้บาทหลวงแพริสบังคับให้เธอสารภาพว่าเป็นแม่มด
บันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุว่า ทิทูบาถูกนำตัวไปคุมขังและสอบสวนอย่างรุนแรง อาจมีการทุบตีและข่มขู่ชีวิตเพื่อให้เธอสารภาพ
ไม่มีหลักฐานว่าทิทูบามีเวทมนตร์จริง แม้เธอจะสารภาพว่าเป็นแม่มดก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจบ ทิทูบาบอกอีกว่ามีแม่มดอีกหลายคนซ่อนตัวอยู่ในเมือง ข้อมูลนี้กลายเป็นชนวนให้มีการกล่าวหาและประหารผู้บริสุทธิ์อีกมาก
หลังจากการล่าทิทูบา การกล่าวหาต่อแม่มดคนอื่น ๆ ในซาเล็มก็ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว การสารภาพของทิทูบากลายเป็นชนวนให้คนในชุมชนเริ่มชี้นิ้วใส่กันเอง ข้อมูลที่เธอให้ทำให้เกิดการจับกุมและสอบสวนผู้บริสุทธิ์หลายสิบคน การกล่าวหาของเธอกลายเป็นเชื้อเพลิงให้การล่าแม่มดครั้งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนมีผู้ถูกตัดสินประหารชีวิตหลายสิบคน และหลายคนถูกคุมขังโดยไม่มีหลักฐานแน่ชัด
การกล่าวหาแม่มดในซาเล็ม เป็นการควบคุมเสียงและร่างกายผู้หญิงอย่างชัดเจน ผู้หญิงที่กล้าพูดหรือคิดต่างจากกรอบสังคมมักถูกมองว่ามีความเสี่ยงต่อระบบชายเป็นใหญ่ การใช้สมุนไพรหรือการรักษาโรคเองถือเป็นภัยต่อความถูกต้องทางศีลธรรม ผลสำรวจพบว่าผู้ตกเป็นเหยื่อในการล่าแม่มดเกือบ 3 ใน 4 เป็นผู้หญิง
คดีล่าแม่มดสะท้อนปรากฏการณ์ ‘Mass Hysteria’ เมื่อความกลัวและข่าวลือแพร่กระจายรวดเร็ว การกล่าวหาแพะรับบาปจึงกลายเป็นกลไกป้องกันตัวของชุมชน ความจริงถูกกลืนหายไปเหลือเพียงความหวาดระแวง
ชีวิตของทิทูบาถูกลบออกจากประวัติศาสตร์ ไม่มีบันทึกว่าเธอเป็นอย่างไรต่อ บ้างว่าเธอไม่ได้ถูกแขวนคอ บ้างว่าตายหลังจากนั้นทันที ความยุติธรรมของคนกลุ่มน้อยอยู่ที่ไหน?
เรื่องราวของทิทูบาสะท้อนปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติและเพศ ซึ่งยังปรากฏในสังคมร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็นการวิจารณ์ในโซเชียลมีเดียหรือการตั้งแพะรับบาปในสังคมออนไลน์ เหตุการณ์ซาเล็มมิใช่เรื่องไกลตัว
อิทธิพลของภาพลักษณ์แม่มดไม่ได้หมดไปหลังการล่าแม่มด ในวัฒนธรรมป๊อป แม่มดปรากฏเป็นสัญลักษณ์ของพลังหญิงและการต่อต้านอำนาจ ซีรีส์ยุค 60-70 ‘Bewitched’ หรือยุค 90 เช่น Sabrina the Teenage Witch, Harry Potter, Buffy the Vampire Slayer แม่มดกลายเป็นตัวละครเอกและสัญลักษณ์ของอิทธิพลหญิง
เราจึงเล่าเรื่องของทิทูบาในเดือนแห่งแม่มดนี้ ไม่ใช่เพื่อรื้อภาพหญิงหมวกแหลมขี่ไม้กวาด แต่เพื่อรื้อคำถามที่ประวัติศาสตร์พยายามกลบฝังไว้ อาณานิคมทำให้เธอกลายเป็น ‘คนอื่น’ ศาสนาทำให้ความเชื่อของเธอกลายเป็น ‘ปีศาจ’ และอำนาจชายผิวขาวทำให้ร่างของเธอกลายเป็นหลักฐานแห่งบาป การกล่าวหาว่าเป็นแม่มดไม่ใช่แค่ความเชื่อ แต่คือกลไกควบคุมเพศ เชื้อชาติ และศาสนา
เรื่อง: Jaomie
ภาพ: Getty Images