20 ธ.ค. 2566 | 14:00 น.
3 ปีก่อน ‘โรเบิร์ต ฮอฟฟ์แมน’ (Robert Hoffman) นักแสดงชาวอเมริกัน เดินทางมาถ่ายทำมิวสิกวิดีโอที่ธาราวี (Dharavi) สลัมที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย โดยไม่รู้เลยว่า ณ สลัมแห่งนี้ เขาจะเจอกับเพชรเม็ดงามซ่อนอยู่ในพื้นที่แออัด และเพชรเม็ดดังกล่าวก็ส่องประกายเจิดจ้าเสียจนเขาไม่อยากปล่อยให้เด็กหญิงผอมแห้งตรงหน้าหลุดลอยไปไกล
รอยยิ้มสดใส ดวงตาเปล่งประกาย ผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียด และผมดำขลับของ ‘มาลีชา คารวา’ (Maleesha Kharwa) ในวัย 12 ปี ดึงดูดสายตาเขาตั้งแต่วินาทีแรกที่พบเจอ แต่น่าเศร้าที่บ้านของเธอกลับเป็นเพียงเพิงเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำที่เต็มไปด้วยกองขยะกองโต รายล้อมไปด้วยบ้านที่มองยังไงก็ไม่ใช่บ้าน แถมยังมีน้ำเจิ่งนองส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว แต่ความสดใสของเด็กหญิงมาลีชากลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย
เขาตัดสินใจโพสต์ภาพของเธอผ่านอินสตาแกรม พร้อมกับสร้างแอ็กเคานต์ให้มาลีชา เพื่อป่าวประกาศให้โลกรู้ว่าเจ้าหญิงจากสลัมได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว ทันทีที่ภาพของเธอเผยแพร่บนโลกออนไลน์ก็ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอช่างงดงามราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยไม่มีผิด
‘เจ้าหญิงสลัม’ จึงกลายเป็นอีกชื่อหนึ่งของเธอนับแต่นั้น มาลีชาได้รับการติดต่องานเข้ามาไม่หยุด ได้ขึ้นปกนิตยสารชื่อดัง เช่น Vogue และ Cosmopolitan ล่าสุดเธอได้รับเลือกให้เป็นพรีเซนเตอร์ของ Forest Essentials แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสุดหรูของอินเดีย
ชีวิตที่พลิกผันไปในชั่วพริบตาของมาลีชาไม่ได้ทำให้เธอหลงระเริงไปกับชื่อเสียง เธอรักการเรียน ครอบครัว เพื่อนพ้อง และมองเห็นว่าชื่อเสียงที่ได้รับมาภายในเสี้ยววินาที อาจหลุดลอยไปในชั่วพริบตา แต่การศึกษาจะเป็นสิ่งที่อยู่ติดตัวเธอจนวันตาย
“หนูรักการเรียนมาโดยตลอด การเรียนได้เกรดดี ๆ ในโรงเรียนทำให้พ่อของหนูมีความสุข อ้อ! แล้วก็ภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่หนูชอบมากที่สุดเลยด้วย
“แต่ถ้าถามหนูว่าหนูบาลานซ์ชีวิตการทำงานกับการเรียนยังไง หนูบอกตามตรงว่าถ้าวันนั้นมีถ่ายงานชนกับไปโรงเรียน หนูเลือกไปเรียนหนังสือมากกว่าจะไปทำงานนะ เพราะยังไงการศึกษาก็สำคัญที่สุดสำหรับหนูอยู่แล้ว”
เธอยังบอกถึงวิธีการรับมือกับชื่อเสียงที่หลั่งไหลเข้ามาว่า “หนูไม่อยากทำตัวเป็นดาราดังที่เย่อหยิ่ง หนูมองแฟน ๆ ทุกคนเป็นเหมือนครอบครัวของหนู”
ก่อนที่มาลีชาจะได้รับโอกาสครั้งใหญ่ ทั้งได้ขึ้นปกนิตยสาร เดินสายถ่ายแบบ และได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์แฟชั่นอีกหลากหลายแบรนด์ เธอไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่า ในชีวิตนี้เธอจะได้ทำตามสิ่งที่วาดหวังไว้ตั้งแต่อายุยังน้อย เธอหวังมาโดยตลอดว่าอยากจะเป็นนางแบบ และเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับ ‘ปริยังกา โจปรา’ (Priyanka Chopra) นักแสดงตัวท็อปของบอลลีวูด ก่อนจะสลัดบทบาทเปลี่ยนจากนักแสดงแนวหน้ามาเป็นโลดแล่นในวงการฮอลลีวูด แม้ไม่ได้เป็นตัวเอกของเรื่องก็ตาม
“หนูอยากจะเป็นเหมือนปริยังกา เธอเป็นไอดอลของหนูมาตั้งแต่เด็ก ถ้าเป็นแบบเธอได้ หนูว่าชีวิตของหนูคงเหมือนกับฝันไปเลย”
มาลีชาภูมิใจทุกอย่างที่เป็นตัวของเธอ เธอไม่เคยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่เคยตัดพ้อกับพ่อว่าทำไมต้องอยู่ในสลัม ทำไมเธอไม่มีผิวขาวผ่องเหมือนกับคนอื่น “หนูภูมิใจในสีผิวน้ำผึ้งของตัวเอง ภูมิใจผมสีดำของตัวเอง รักทุกอย่างที่เป็นครอบครัวของหนู หนูไม่เคยรู้สึกว่าบ้านที่อยู่ตรงนี้มันน่าอับอายหรือว่าอะไร แต่หนูก็หวังว่าชีวิตต่อจากนี้จะสุขสบายกว่านี้อีกหน่อย แต่หนูรักทุกอย่างจริง ๆ นะ”
หลังจากทำงานได้ระยะหนึ่ง เธอตัดสินใจซื้อบ้านหลังน้อยให้กับพ่อของเธอ แน่นอนว่านี่เป็นเงินเก็บของเธอเองทั้งหมด ส่วนอีกหนึ่งความฝันคือการช่วยให้ญาติคนอื่น ๆ ที่อยู่ในสลัม มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
“สิ่งเดียวที่หนูไม่ชอบคือหลายครั้งที่หนูกับน้องชายไม่มีข้าวกิน และเป็นเรื่องยากที่จะหาน้ำสะอาดดื่ม บางเดือนบ้านของเราต้องเจอกับลมมรสุม พอฝนตกก็ลำบากเพราะบ้านของเราไม่มีหลังคา พ่อของหนูต้องใช้ผ้าใบพลาสติกมากันฝนสาดให้พวกเรา แต่ถ้าลมแรงผ้าใบก็ช่วยไม่ได้”
ปัจจุบัน เจ้าหญิงสลัมยังคงเดินหน้าสร้างแรงบันดาลใจ เธออยากจะส่งพลังงานดี ๆ ให้ทุกคนเห็นว่า เราทุกคนไม่จำเป็นต้องเกิดมาในฐานะที่สูงส่ง แค่พยายามทำเรื่องดี ๆ ใช้ชีวิตให้ดีที่สุด และวันนั้นโลกใบนี้ก็จะหยิบยื่นโอกาสบางอย่างมาให้ และเธอจะส่งโอกาสที่ได้รับกลับไปยังเด็กในสลัมทุกคน
“หนูมีความสุขและภูมิใจกับชีวิตในตอนนี้ ถึงชีวิตหนูจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่มีวันเปลี่ยนคือหนูไม่เคยลืมว่าเกิดมาจากไหน และจะใช้โอกาสตรงนี้ช่วยเด็กในสลัมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หนูอยากให้เด็กทุกคนมีกำลังใจ อย่ายอมแพ้ต่อโชคชะตา เพราะวันหนึ่ง คุณอาจจะได้รับโอกาสครั้งใหญ่เหมือนกับหนูก็ได้”
เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง
ภาพ : Instagram /Maleesha Kharwa
อ้างอิง