สิรณัฐ สก๊อต นักอนุรักษ์กับภารกิจลับ ๆ ว่ายน้ำข้ามทะเลคนเดียว-ตัวเปล่า รวมระยะ 30 กม.

สิรณัฐ สก๊อต นักอนุรักษ์กับภารกิจลับ ๆ ว่ายน้ำข้ามทะเลคนเดียว-ตัวเปล่า รวมระยะ 30 กม.

ทราย - สิรณัฐ สก๊อต คือนักอนุรักษ์ท้องทะเลที่กำลังเป็นที่สนใจของชาวไทย เขาคือทายาทรุ่น 4 ของตระกูลสิงห์ ผู้ว่ายน้ำข้ามทะเลคนเดียวด้วยตัวเปล่า ระยะทางไป-กลับ 30 กิโลเมตร เพื่อบอกสังคมว่าทะเลไทยกำลังเจ็บป่วย

“ขอบคุณทุก ๆ คนสำหรับ กำลังใจเมื่อวานนี้นะครับ ใน 6 ชม. ทรายได้ว่ายน้ำข้ามทะเลจากหาดอ่าวนางไปยังเกาะปอดะ แล้วตัดสินว่ายข้ามทะเลกลับมาหาดอ่าวนาง ได้ทำตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ให้ตัวเอง  ทรายไม่มั่นใจเรื่องระยะทางเท่าไหร่ แต่รู้ว่ามากกว่า 15 กิโลเมตร สำหรับระยะทางที่ไม่นับกระแส...”

ก่อนที่เขาจะใส่ดอกจันทร์ย้ำเตือนสั้น ๆ ในสเตตัสเดียวกันว่า หลังจากดูคลิปว่ายน้ำแล้วกระแสแรง น่าจะว่าย 18 กิโลเมตรละ เพราะเราเจอกระแสน้ำขึ้นน้ำลงทั้งสองทาง กัปตันเรือที่เป็นคนในพื้นที่บอกว่าไปกลับเกือบ 30 กิโลเมตร เราไม่กังวลเรื่องระยะรู้ว่าแค่อยากว่ายไปเกาะ

หลังจาก ‘ทราย - สิรณัฐ สก๊อต’ ลูกครึ่งไทย – สกอตแลนด์ ทายาทรุ่น 4 ของตระกูลสิงห์ คอร์เปอเรชั่น หลานชายของ ‘นิดหน่อย - จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี’ และผู้ก่อตั้งกลุ่ม Sea You Strong ที่มักว่ายน้ำในทะเลเปิด สัปดาห์ละ 10 – 15 กิโลเมตรเป็นประจำ

ประกาศความสำเร็จของตัวเองลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ผู้คนบนโลกออนไลน์ต่างเข้ามาแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม ไม่ใช่เพราะเขาเป็นทายาทรุ่น 4 ของตระกูลสิงห์ เท่านั้น

หากแต่เขายังเป็นหนุ่มนักอนุรักษ์วัย 26 ที่ทำงานดูแลท้องทะเลอย่างจริงจัง ด้วยเงินทุนของตัวเองแบบไม่มีองค์กรใดสนับสนุน มาเป็นเวลานานกว่า 6 ปี การว่ายน้ำข้ามเกาะครั้งนี้ของทราย จึงเป็นเหมือนการประกาศชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้คนไทย หันมาตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมทางทะเลมากยิ่งขึ้น

ส่วนเหตุผลหลักที่ทำให้ทรายสนใจท้องทะเล เกิดขึ้นหลังจากไปสัมผัสกับโลกแห่งความจริงว่า ชายหาดที่เขาหลงรัก ภาพจำทั้งหมดที่เคยเห็นและสัมผัสมาเมื่อครั้งวัยเยาว์ ทุกอย่างถูกคลื่นขยะทับถมไปจนไม่หลงเหลือร่องรอยความสุขในอดีต

หาดสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คือหาดแรกที่ทรายเริ่มประกอบความทรงจำให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอย ร่วมกับคนในโรงเรียนและชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อกอบกู้ความสุขที่ถูกทำลายลง ผ่านการเก็บเศษขยะ ก่อนจะกำจัดสิ่งแปดเปื้อนเหล่านี้ทิ้งไป

ส่วนเหตุผลหลักที่ทำให้ทรายสนใจท้องทะเล เกิดขึ้นหลังจากไปสัมผัสกับโลกแห่งความจริงว่า ชายหาดที่เขาหลงรัก ภาพจำทั้งหมดที่เคยเห็นและสัมผัสมาเมื่อครั้งวัยเยาว์ ทุกอย่างถูกคลื่นขยะทับถมไปจนไม่หลงเหลือร่องรอยความสุขในอดีต

หาดสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คือหาดแรกที่ทรายเริ่มประกอบความทรงจำให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอย ร่วมกับคนในโรงเรียนและชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อกอบกู้ความสุขที่ถูกทำลายลง ผ่านการเก็บเศษขยะ ก่อนจะกำจัดสิ่งแปดเปื้อนเหล่านี้ทิ้งไป

“เจตนาแรกของผมคือกะจะไปเที่ยว แต่พอไปถึงก็ ‘ตกใจ’ จนทรายตัดสินใจแล้วว่ายังไงทรายก็ต้องเก็บขยะ เลยลองเริ่มชวนโรงเรียน ชวนช่างสักของทรายมาเก็บขยะ” เขาเล่าในรายการเจาะใจ ep.28 ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2565

แม้จะเป็นการเริ่มทำจากปลายทาง แต่ทรายเชื่อว่า การลงมือทำอะไรบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องไปหาสาเหตุของปัญหามากเกินไปนัก เพราะทุกคนต่างก็มีความทุกข์ในการใช้ชีวิตมากเกินพอ...และมันมากเกินพอที่จะทำให้หลายคนลืมสนใจปัญหาเรื่อง ‘ขยะ’

ทรายคิดว่าคนส่วนใหญ่เขาไม่มีความสุข เขาโดนเรื่องกดดันจากชีวิตครอบครัว จากเรื่องการงาน เขาไม่มีความสุขพอที่จะมาช่วยเรื่องอื่น เขาไม่มีพลังงานมากพอที่จะเข้ามาจัดการปัญหาเรื่องอื่น อันนี้คือเหตุผลนึงที่ทำให้ทรายคิดว่าเขาอาจจะไม่มาช่วยงานด้านนี้เยอะ

“เจตนาที่ทรายเข้าไปทำงานในชุมชนร่วมกับคนพื้นที่ ทรายไม่ได้เชื่อใน CSR ทรายไม่ได้เชื่อเรื่องอะไรพวกนั้นเลย เพราะว่าถ้าเกิดเราจะทำอะไรมันต้องมาจากใจ มันก็ต้องออกมาดี”

ถึงจะเป็นทายาทสิงห์ หนึ่งในตระกูลที่เพียบพร้อมมากที่สุดในประเทศไทย แต่ทรายในวัย 26 กลับมองต่างออกไป เพราะการเกิดมาพร้อมกว่าคนอื่น ทำให้เขาเข้าใจความเหลื่อมล้ำมากกว่าคนกลุ่มอื่นที่อยู่ในฐานพีระมิด

“ตอนทรายเด็ก ๆ ทรายไม่ได้ใกล้ชิดกับคนในครอบครัวมากนัก คนที่ใกล้ชิดก็จะเป็นคนที่อยู่ที่บ้าน ภายนอกเขาก็จะมองว่าเป็นคนรถ แม่บ้าน แต่ทรายเห็นว่าเขาเป็นคุณป้า คุณน้า เป็นคุณลุง แล้วเขาเป็นคนให้ความอบอุ่นทรายในชีวิต อาหารทุกมื้อทรายก็จะทานข้าวกับเขา น้ำใจที่ทรายได้รับมักจะมาจากคนที่เขาไม่มีอะไรจะให้ด้วยซ้ำ

“ถ้าทรายไม่ได้เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย ทรายก็คงไม่คิดอะไร แต่พอเราอยู่จุดนี้ มันทำให้เราสัมผัสได้ตั้งแต่เด็กว่า ‘ความไม่เท่าเทียม’ มันสามารถทำให้คนเราเจ็บปวดได้มากขนาดไหน

ทุกความไม่เท่าเทียมที่ทรายสัมผัส ทำให้เขาเล่าไปน้ำตาคลอไป ก่อนจะเสริมว่ามุมมองทั้งหมดที่เขาได้รับ ล้วนมาจาก ‘คุณตา - คุณจำนงค์ ภิรมย์ภักดี’

สิรณัฐ สก๊อต นักอนุรักษ์กับภารกิจลับ ๆ ว่ายน้ำข้ามทะเลคนเดียว-ตัวเปล่า รวมระยะ 30 กม. “คุณตาเป็นคนเลี้ยงทราย เขาสอนทรายดีมาก คุณตาไม่เคยดูถูกใครเลย ไม่เคยพูดจาไม่ดีกับใคร คุณตามักจะสอนว่า ทุก ๆ คนมีความเท่าเทียมกัน เราไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาเปรียบใคร โดยเฉพาะคนที่ทำงานให้เรา ยิ่งเขาเป็นคนที่ดูแลเรา เรายิ่งต้องใส่ใจและดูแลเขากลับเช่นเดียวกัน

“ดังนั้นทรายจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับคนที่คอยดูแลทราย เพราะคุณตามีมุมมองแบบนั้น เขาไม่เคยทำให้ทราย รู้สึกว่าการที่ทรายนั่งกินข้าว และกอดทุกคน มันผิดหรือแปลก เขาเป็นคนเดียวที่มองเห็นนิสัยทรายแบบนี้

“มันเป็นประสบการณ์ตอนที่ทรายเด็ก ๆ ที่เราเห็นว่า คนที่มีทุกอย่างเขาสามารถทำอะไรได้บ้างที่จะช่วยคนอื่น ทรายว่ามันเป็นบทเรียนที่ดีในชีวิตทรายที่ทรายกำลังโตขึ้น มองเห็นโลกสองด้านที่ทุกคนมาอยู่ด้วยกัน เพราะเราสมควรรักกัน มันทำให้ทุกอย่างเท่าเทียมได้ คือผมคิดว่ารากฐานตรงนั้นมันเป็นรากฐานที่ผมสามารถมองชีวิตอื่น ๆ ได้”

อาจเป็นเพราะคำสอนของคุณตา จึงทำให้เวลาทรายทำอะไร ชายคนนี้มักจะจริงจังอยู่ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเรื่องการอนุรักษ์ท้องทะเลไทยให้มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด

ทรายเลือกนำความสามารถด้านแอนนิเมชั่น เกี่ยวกับภาพยนตร์ ที่เขาได้รับจาก California Institute of the Arts สหรัฐอเมริกา มาปรับใช้ในการรังสรรค์ผลงานชั้นยอดชิ้นนี้ขึ้นมา แต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มี CG แม้แต่ฉากเดียว เพราะเขาอยากสัมผัส ‘ความรู้สึก’ ของปลาที่ต้องอาศัยอยู่ในทะเลที่เต็มไปด้วยขยะให้ได้มากที่สุด

สิรณัฐ สก๊อต นักอนุรักษ์กับภารกิจลับ ๆ ว่ายน้ำข้ามทะเลคนเดียว-ตัวเปล่า รวมระยะ 30 กม. ‘Merman’ หนังสั้นเชิงอนุรักษ์จึงเป็นภาพยนตร์ขนาดสั้น ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวความสวยงามปนเศร้าของท้องทะเลไทย โดยเขาได้แปลงกายเป็น  ‘มนุษย์เงือก’ คอยแหวกว่ายสำรวจความงามของท้องทะเล ซึ่งเป็น ‘บ้าน’ ของเขาและครอบครัวเงือก แต่แล้ววันหนึ่งคลื่นแห่งความสุขกลับถูกกลบด้วยขยะ อวน แห ที่ลอยไปมาทั่วท้องทะเล เพราะความไม่ใส่ใจของมนุษย์ที่อยู่บนพื้นดิน

“ทรายสังเกตว่าไม่ว่าจะยุคไหน สัญลักษณ์ของทะเลที่คนจะนึกถึงก็คือเงือก แล้วทรายก็ตัดสินใจว่า โอเค ถ้าเรื่องที่ทรายพยายามจะสื่อถึงเรื่องจิตสำนึก หรือเรื่องทรัพยากรทางทะเลที่สมบูรณ์ ทรายก็อยากใช้ตัวเงือกมาเป็นสัญลักษณ์ของตรงนี้

“ทรายต้องทำยังไงก็ได้ให้คนเห็นว่าจิตในสัตว์ก็เหมือนจิตมนุษย์ อารมณ์ที่เรารู้สึก ความสุข ความโกรธ มันคือเรื่องที่สัตว์รู้สึกได้

“ผมไม่กินปลาตั้งแต่เริ่มดำน้ำอย่างจริงจัง เพราะเห็นเวลาปลาโดนจับจากอวนที่ผิดกฎหมายแล้วเขาถูกอัดให้อยู่ในอวน ผมไม่ได้เห็นอาหารในอวนนั้น แต่ผมเห็นชีวิตที่มันถูกคุกคาม ถูกเอาเปรียบแล้วมันก็ต้องมาตายเพราะเรื่องแบบนี้ ทรายว่ามันไม่คุ้ม

“มนุษย์ มีสิทธิ์ ที่จะดำรงชีวิต สิ่งมีชีวิตทุกชนิดก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่อยากให้ใครละเมิดสิทธิ์ ก็ไม่ควรละเมิดคนอื่น”

 

ภาพ: Facebook/Psi Scott

อ้างอิง:

https://www.youtube.com/watch?v=PoAXNPlL9Ac

https://www.komchadluek.net/entertainment/522353

https://www.thairath.co.th/news/society/2540956

https://praew.com/people/celeb-story/458181.htm