logo-pwa

เพิ่ม Thepeople

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด

‘คี ฮุย ควน’ ดาราเด็กจาก Indiana Jones รีเทิร์นจอ หลังลาวงการ เพราะไม่มีโอกาสให้คนเอเชีย

‘คี ฮุย ควน’ ดาราเด็กจาก Indiana Jones รีเทิร์นจอ หลังลาวงการ เพราะไม่มีโอกาสให้คนเอเชีย

‘คี ฮุย ควน’ (Ke Huy Quan) นักแสดงเด็กจาก Indiana Jones (อินเดียนา โจนส์) และการหวนคืนสู่จอฮอลลีวูดหลังเฟดตัวเพราะโอกาสที่ไม่เท่าเทียมของคนเอเชีย และเกร็ดเรื่องราวสุดน่ารักจาก สตีเวน สปีลเบิร์ก, แฮริสัน ฟอร์ด, และ หว่อง กาไว

 

ถือเป็นการห่วงหายจากวงการไปนานหลายทศวรรษของดาราเด็กผู้เป็นคู่หู อินเดียนา โจนส์ (Indiana Jones) อย่าง คี ฮุย ควน นับตั้งแต่ภาพยนตร์คลาสสิคเรื่อง The Goonies (1985) จนกระทั่งเขาได้กลับคืนสู่เส้นทางการแสดงอีกครั้งเพราะเห็นภาพยนตร์เรื่อง Crazy Rich Asian (2018) จนได้กลับมาจริง ๆ ใน Everything Everywhere All at Once (2022) และซีรีส์ Loki แห่งจักรวาลมาร์เวล

แต่เหตุใดเขาจึงหายไป? 

 

ลี้ภัยมาแอลเอสู่บทบาทใน ‘อินเดียนา โจนส์’

ครอบครัวของ คี ฮุย ควน (Ke Huy Quan) ตั้งต้นรกรากที่นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียตนาม ในตอนที่สงครามปะทุขึ้น ควนมีอายุราว ๆ 7 ปีเพียงเท่านั้น แต่อาศัยอยู่ที่บ้านเกิดได้ไม่นาน ครอบครัวของควนซึ่งประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ตัวเขา พี่น้องอีก 8 คนก็ต้องลี้ภัยกันไปที่ต่างประเทศ 

ซึ่งการลี้ภัยครั้งนี้ก็ต้องทำให้ครอบครัวของเขาถูกแบ่งแยกออกเป็นสอง พ่อ ตัวเขา และพี่น้องอีกจำนวน 5 คนก็มุ่งหน้าข้ามทะเลด้วยเรือแคบ ๆ ไปที่ค่ายผู้ลี้ภัยฮ่องกง ส่วนแม่และพี่น้องอีกสามคนก็แยกไปอีกทางหนึ่ง โดยพวกเขาก็เดินหน้าไปที่มาเลเซีย ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะกลับมาเจอกันอย่างพร้อมหน้าอีกครั้งในปี 1979 ที่สหรัฐอเมริกา

แม้ภายหลังครอบครัวของเขาจะกลับมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้า แต่ควนก็เผยในบทสัมภาษณ์กับ The Guardian ว่ามันถือเป็นบาดแผลที่ฝังใจเขาเอาเสียมาก ๆ กับการที่ต้องเห็นครอบครัวที่อบอุ่นต้องสูญเสียทุกอย่างละแยกออกจากกัน

แต่หลังจากอาศัยอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยในฮ่องกงพักหนึ่ง ควนก็ได้เดินทางข้ามทะเลอีกครั้ง ซึ่งจุดหมายปลายทางของเขาในคราวนี้คือลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งพวกเขาก็ไปตั้งรกรากและเริ่มชีวิตใหม่ในย่านไชน่าทาวน์ เมื่ออาศัยอยู่ที่นั่นไปไม่นานชีวิตของเขาก็เดินหน้ามาพบกับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของชีวิต

ย้อนกลับไปในตอนนี้ ควนก็ได้อาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกาไปสักพักหนึ่งแล้ว ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ‘สตีเวน สปีลเบิร์ก’ (Steven Spielberg) ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ได้ฉายาว่าเป็นพ่อมดแห่งฮอลลีวูดในยุคปัจจุบันก็กำลังเฟ้นหานักแสดงเด็กชาวเอเชียเพื่อมารับบท ‘ชอร์ท ราวด์’ (Short Round) เด็กชาวจีนผู้เป็นหัวขโมยล้วงกระเป๋าในภาพยนตร์เรื่อง Indiana Jones and the Temple of Doom (1984)

แม้ลักษณะก็เข้าเกณฑ์ที่สปีลเบิร์กกำลังเฟ้นหา แต่ควนก็ไม่ได้ยื่นสมัครเพื่อเคสท์ในบทดังกล่าว กลับกัน เขาเป็นไปเป็นเพื่อนและให้กำลังใจน้องชายที่ไปแคสท์เฉย ๆ แต่พอหัวหน้าทีมแคสท์นักแสดงเห็นควน เขาจึงชักชวนให้มาลองแคสท์ดู

ผมจำได้ว่าผมทำได้ไม่ดีเลย เพราะความเข้าใจในภาษาอังกฤษของผมในตอนนี้นี่เรียกว่าแทบจะไม่มี

แต่กลายเป็นว่าในวันต่อมาในวันต่อมาก็มีสายโทรศัพท์จากออฟฟิศของสปีลเบิร์กโทรเข้ามาหาแม่ของควน เพื่อนัดหมายที่จะพูดคุยถึงข้อตกลงและบทบาทที่ควนกำลังจะได้รับ คงไม่บ่อยนักที่จะได้มีโอกาสพบปะกับผู้กำกับเบอร์ใหญ่แบบนั้นตัวเป็น ๆ ด้วยความตื่นเต้น แม่ของควนจึงจัดเต็มเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมถึงขั้นที่ว่าใส่สูท สวมเสื้อกั๊ก และผูกไทด์เพื่อไปพบกับสปีลเบิร์ก

นี่คี ลุงว่าเธอมาใหม่วันพรุ่งนี้ดีไหม ไม่ต้องแต่งเต็มก็ได้ มาแบบสบาย ๆ

สปีลเบิร์กสังเกตว่าควนดูจะไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ในชุดเต็มยศที่แม่เขาจัดหาให้ ซึ่งเขาก็อยากจะให้ควนได้มาเจอมาคุยกับเขาแบบเป็นกันเอง สบาย ๆ ไม่ต้องทางการอะไรมาก เขาจึงนัดหมายการพบปะในวีต่อไป และนั่นก็เป็นที่ที่ทำให้ควนได้รับบทบาทที่จะถูกฉายไปบนจอเงินทั่วทั้งโลกกับหนึ่งในการผจญภัยของอินเดียนา โจนส์ แถมยังได้สานสัมพันธ์กับสตีเวน สปีลเบิร์กและแฮริสัน ฟอร์ดอีกด้วย

ถอดใจจากความฝัน

ภาพยนตร์เรื่องแรกของ คี ฮุย ควน สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ไม่ผิดนักที่จะกล่าวว่ามันเป็นใบเบิกทางชั้นเลิศในอุตสาหกรรมความบันเทิงอย่างฮอลลีวูด เพราะต่อมาควนก็ได้ไปแสดงนำในภาพยนตร์เด็กเรื่อง The Goonies (1985) ด้วยความที่สปีลเบิร์กเป็นผู้อำนวยการสร้าง เขาจึงแนะนำควนให้แก่ทีมแคสท์และผู้กำกับ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวก็ยังคงความคลาสสิคมาถึงปัจจุบัน 

เส้นทางการเป็นดารานักแสดงของควนดำเนินมาอย่างสวยงาม ภายในเวลาสองปี เขามีผลงานคลาสสิคถึงสองเรื่อง แต่ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นมันกลับไม่ได้ดำเนินไปแบบเดิม จากที่เราได้เคยเห็นมาในหลายกรณี นักแสดงเด็กหลายคนอาจจะออกนอกลู่นอกทางจากชื่อเสียงเงินทองที่หลั่งไหลเข้ามา แต่กับกรณีของควนมันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น บ้านเขาค่อนข้างเข้มงวดกับพฤติกรรม ถึงกับว่าการพูดคำหยาบยังเป็นเรื่องต้องห้าม

แต่ปัจจัยที่ทำให้เส้นทางของเขาต้องหยุดชะงักลงเป็นเพราะโอกาสที่ริบหรี่ของนักแสดงชาวเอเชียในฮอลลีวูดมากกว่า แม้ว่าภาพยนตร์สองเรื่องที่เขาได้แสดงในช่วงเริ่มต้นของเส้นทางจะดังและปังเป็นอย่างมาก และต่อมาก็ได้เล่นซิทคอมและภาพยนตร์รวมแล้วประมาณ 4-5 เรื่อง แต่ภายหลังจากนั้นเขาก็ต้องเผชิญกับโอกาสที่มีอยู่ริบหรี่ของนักแสดงชาวเอเชีย

ผมจำได้เลยว่ามีปีหนึ่งที่ผมไม่ได้ไปออดิชั่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ไม่เพียงแต่บทบาทที่เปิดรับชาวเอเชียนั้นมีอยู่น้อยนิด แต่แม้จะมีโอกาสไปแคสท์ เขาก็ต้องเผชิญกับการถูกปฏิเสธจนแทบทำให้เขาแทบจะไม่มีงานเลย ในช่วงวัยยี่สิบกว่า ๆ วัน ๆ เขามัวแต่นั่งรอสายโทรศัพท์ที่บอกเขาว่าผ่านการคัดเลือก หรือแม้แต่กระทั่งสายที่เรียกเขาไปแคสท์ แต่ดูเหมือนว่าโอกาสช่างดูแห้งเหือดเหลือเกิน

เมื่อถึงคราวที่คุณหิวโหย คุณกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ ถูกไหม?

ควนเล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่ในช่วงนั้นไม่มีงานเข้ามาเลย จนกระทั่งเขาได้ไปเจอกับบททหารเวียตกงที่มีบทพูดเพียงสองประโยคเท่านั้นในเรื่อง หลังจากไปแคสท์เขาก็รอเป็นเวลานานกว่าสองสัปดาห์ว่าเขาจะได้รับคัดเลือกหรือไม่ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ ควนยังเล่าต่ออีกว่า ไม่เพียงแค่บทบาทสำหรับคนเอเชียจะมีน้อยมาก ๆ แต่ถึงมี บทเหล่านั้นก็เป็นบทบาทที่เหมารวม (Stereotype) คนเอเชียที่แค่โผล่มาในบทบาทและแนวทางแบบเดิม ๆ 

ผมเลยกลับมานั่งคิดว่า ‘นี่กูทำอะไรอยู่วะ? วัน ๆ จะเอาแต่นั่งรอสายโทรศัพท์ที่จะโทรเข้ามา’ ตอนนั้นผมอายุ 23 ผมโคตรหลงทาง ไม่เห็นอนาคตตัวเองเป็นนักแสดงเลย

หลังจากที่กลับมาตกตะกอนความคิด ควนก็ตัดสินใจถอนตัวเองจากเส้นาทางนักแสดงและหันเหไปเรียนต่อด้านภาพยนตร์ในระดับมหาวิทยาลัย กลบภาพฝันของอนาคตของวันวานไว้เป็นเพียงอดีตให้หวนนึกถึง

 

กามเทพสื่อรักนามว่า ‘หว่อง กาไว’

หลังจากที่ควนไปศึกษาต่อด้านภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัย Southern California เขาก็หันเหบทบาทจากเบื้องหน้าสู่เบื้องหลัง ไปเป็นผู้ช่วยการกำกับคิวบู๊ใน X-Men บ้าง ไปเป็นผู้ช่วยผู้กำกับตามกองถ่ายบ้าง

จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ได้มีโอกาสร่วมงานกับ ‘หว่อง กาไว’ (Wong Kar-wai) ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับในภาพยนตร์เรื่อง ‘2046’ ภาพยนตร์ดราม่าโรแมนติคเหงา ๆ ที่จะมาขจัดความเหงาให้มลายหายไปจากชีวิตของควน

ในระหว่างการถ่ายทำอยู่นั้น ไม่เพียงแต่หว่องจขะทำหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ควนต้องคอยทำหน้าที่สนับสนุนในด้านต่าง ๆ แต่ผู้กำกับผู้สวมแว่นดำคนนี้เองก็ทำหน้าที่เป็น ‘กามเทพสื่อรัก’ ให้กับควนอีกด้วย เขาแนะนำให้ควนและหญิงสาวอีกคนหนึ่งมาพบกัน แล้วบอกว่าทั้งคู่ควรลองที่จะไปเดทกัน จนกระทั่งชีวิตของทั้งคู่ดำเนินคู่กันเรื่อยมากว่า 22 ปี

 

หวนคืนสู่จอเพราะ ‘Crazy Rich Asian’

แม้ว่าจะพบรักและแฮปปี้กับเส้นทางสายเบื้องหลังเป็นอย่างมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกคิดถึงการทำงาน ณ เบื้องหน้าก็หาได้มลายหายไปไหนดังที่เขาคาดหวังให้มันเป็น ควนกล่าวว่า เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างในตัวเขาที่มันหายไป มันมีความว่างเปล่าที่ยังไม่ถูกเติมเต็มอยู่ข้างใน มันเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจเขามาโดยตลอด แต่เขาก็ไม่ได้รู้อย่างแน่ชัดว่าสิ่งนั้นคืออะไร จนกระทั่งมาพบกับภาพยนตร์เรื่อง ‘Crazy Rich Asian

มันใช้ความกล้าหาญอย่างมากเลยนะที่จะหยิบความฝันนั้นมาปัดฝุ่นอีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดผมก็ได้ข้อสรุปว่า: ถ้าผมไม่ลงมือทำ ผมแม่งเสียใจไปทั้งชีวิตแน่นอน

ณ ขณะนั้นควนก็สังเกตเห็นว่า นักแสดงชาวเอเชียก็ได้พื้นที่และโอกาสมากขึ้นหากเทียบกับสมัยก่อน ซึ่งสะท้อนได้เห็นอย่างชัดเจนในภาพยนตร์เรื่อง Crazy Rich Asian ที่นักแสดงส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นชาวเอเชีย ควนจึงตัดสินใจที่จะลุยกลับมาบนหน้าจออีกครั้ง ซึ่งเขาก็ทำมันจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

ผมถึงขั้นบอกเขา (ผู้กำกับ) ว่าถ้ามี Crazy Rich Asian 2 ผมต้องอยู่ในนั้นด้วยนะ

ซึ่ง ‘จอน เอ็ม. จู’ (Jon M. Chu) ก็ตอบกลับมาว่า “เกี่ยวก้อยสัญญาเลย” ดังนั้นถ้ามีภาคสองมาเมื่อไหร่ เราก็น่าจะได้เห็นควนไปอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน

 

สวมกอดกับคู่หูอีกครั้ง

หลังจาก Crazy Rich Asian ก็ดูเหมือนว่าเส้นทางการแสดงของควนก็กลับมาเครื่องติดอีกครั้งหนึ่ง เพราะภาพยนตร์เรื่องถัดมาที่ดังและปังเป็นอย่างมากก็คือ ‘Everything Everywhere All at Once’ แถมยังได้มีบทบาทในจักรวาลของมาร์เวล ในซีรีส์เรื่อง Loki อีกด้วย และด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลมาร์เวลนี้เอง ที่ทำให้ชีวิตของควนโคจรกับมาพบกับอดีตคู่หูที่เคยอยู่คู่กันเมื่อ 38 ปีก่อนอีกครั้ง

ในขณะควนกำลังเดินสายโปรโมทเกี่ยวกับมาร์เวลาที่งาน D23 Expo ของดิสนีย์ในปี 2022 ในขณะเดียวกัน ‘แฮริสัน ฟอร์ด’ (Harrison Ford) ก็กำลังเดินสายโปรโมทภาพยนตร์ Indiana Jones 5 อยู่เช่นเดียวกัน และในขณะที่ควนกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องรับรอง ก็มีคนเดินมาบอกเขาว่าฟอร์ดอยู่ข้างนอกนี่เอง

ผมไม่ได้เจอเขามาตั้ง 38 ปี ตอนผมเดินไปใกล้เขา ใจของผมเต้นแรงมาก ผมไม่รู้ว่าเขาจะยังจำผมได้อยู่ไหม

เขามองมาที่ผมแล้วถามว่า ‘ชอร์ท ราวด์’ ใช่ไหม? คุณเชื่อไหม ณ วินาทีนั้นมันเปรียบเสมือนว่าผมได้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเลย ผมก็ตอบกลับเขาไปว่า ‘ใช่ครับ อินดี้’ แล้วเขาก็บอกผมว่า ‘มานี่เลยไอหนูน้อย’ แล้วก็สวมกอดผมอย่างอบอุ่น

ย้อนกลับไปในวันที่ควนกำลังอยู่ในช่วงของการถ่ายทำ Indiana Jones and the Temple of Doom ควนเล่าว่าบรรยากาศเวลาทำงานของ สตีเวน สปีลเบิร์ก และ จอร์จ ลูคัส (George Lucas) จะเป็นอะไรที่สบายใจและสนุกสนานเอามาก ๆ มีแต่ความสงบสุขและเสียงหัวเราะ

ทุกครั้งหลังถ่ายทำเสร็จ ทางทีมก็จะไปแวะดินเนอร์กันเสมอ บางทีก็ไปดินเนอร์กันริมสระน้ำ ควนก็จะกระโดดน้ำตูมอย่างสนุกสนานตามประสาเด็ก ส่วน แฮริสัน ฟอร์ด ก็จะว่ายน้ำไป-มา แต่สิ่งที่เขาเห็นคือไอหนูควนน่าจะว่ายน้ำไม่เป็น ฟอร์ดจึงได้เสนอตัวที่จะสอนเขาว่ายน้ำ ซึ่งเขาก็ตอบตกลงทันที 

และนั่นแหละครับ จุดเริ่มต้นที่เราได้สานสัมพันธ์กัน ทุกคนในนั้นเป็นมิตรกันเอามาก ๆ เลย

ในส่วนของสตีเวน สปีลเบิร์กเองก็ยังติดต่อกับสปีลเบิร์กอยู่เรื่อยมา พอมีปัญหาอะไรพ่อมดตนนั้นก็พร้อมจะให้คำปรึกษาอย่างไม่ห่างเหิน แถมเขายังไม่ลืมที่จะส่งของขวัญวันคริสต์มาสมาให้ควนในทุก ๆ ปี เขาไม่เคยที่จะลืมเลย

 

ภาพ:
Antonio Masiello / Contributor - Getty Images

ภาพยนตร์เรื่อง Indiana Jones and the Temple of Doom

Donald Bowers / Stringer - Getty Images

Instagram @kehuyquan 

 

อ้างอิง:

‘I didn’t have a single audition for a year’: Goonies and Indiana Jones child star Ke Huy Quan on finding fame again - The Guardian