ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง : เพราะทุกคนคือพลังสำคัญของการก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 

ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง : เพราะทุกคนคือพลังสำคัญของการก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 
เมื่อวิกฤตโควิด-19 กลับมาระบาดอย่างรุนแรงในระลอกล่าสุด ทำให้มีผู้ป่วยสะสมจำนวนมากกว่า 2 แสนราย ส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องทั้งด้านเศรษฐกิจไปจนถึงชีวิตประจำวัน และผู้มีบทบาทสำคัญกับรับมือกับวิกฤตครั้งนี้โดยตรง คือบุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานสาธารณสุข รวมทั้งองค์กรที่เกี่ยวข้อง  คำถามต่อมา คือในฐานะประชาชนทั่วไปหรือองค์กรที่ไม่ได้รับมือกับปัญหานี้โดยตรง จะสามารถช่วยเหลือหรือเป็นส่วนหนึ่งของการก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ได้อย่างไร ? ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เชื่อว่าทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาตามกำลังและศักยภาพของตัวเองได้ โดยองค์กรขนาดใหญ่ อย่าง บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด มีศักยภาพทางด้านต้นทุนที่สามารถสนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์ต่าง ๆ และโครงการวิจัยที่เป็นประโยชน์   “เชฟรอนดำเนินภารกิจจัดหาพลังงานให้กับประเทศไทยมาเกือบ 6 ทศวรรษ ซึ่งสิ่งที่เราทำควบคู่กันไปด้วยอย่างต่อเนื่อง คือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยผ่านการดำเนินโครงการเพื่อสังคมร่วมกับองค์กรพันธมิตรและชุมชน ตลอดจนให้ความช่วยเหลือเมื่อมีวิกฤตต่างๆ เกิดขึ้น  รวมถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเชฟรอนได้ให้การสนับสนุนหน่วยงานสาธารณสุขและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการรับมือวิกฤตนี้ นับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ภายใต้งบประมาณเกือบ 20 ล้านบาท โดยหวังให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ได้โดยเร็ว ครอบคลุมทั้งความช่วยเหลือเฉพาะหน้า เช่น การมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์และงบประมาณให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ ที่จะนำไปสู่การสร้าง know-how และ innovation เพื่อเสริมศักยภาพของหน่วยงานต่าง ๆ ในการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 และวิกฤตโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจประเมินมูลค่าเป็นตัวเงินได้”  ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง : เพราะทุกคนคือพลังสำคัญของการก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19  ชาทิตย์แบ่งโครงสร้างการแก้ปัญหาเป็น 3 ส่วนหลัก คือ การตรวจหาเชื้อโควิด-19 การรับมือด้วยการรักษา และการป้องกันผ่านวัคซีน บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด จึงเลือกสนับสนุนต้นทุนและอุปกรณ์ของสามส่วนนี้ เพื่อให้ครอบคลุมการทำงานของหน่วยงานสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง    ส่งเสริมงานวิจัย เพื่อการตรวจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ในด้านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ได้มอบทุนวิจัยจำนวน 1,085,600 บาท ให้กับ คณะสัตวแพทยศาสตร์ ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อดำเนินโครงการวิจัย ‘การใช้สุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ’ ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินงาน ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง : เพราะทุกคนคือพลังสำคัญของการก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19  โดยผลการวิจัยในระยะแรกพบว่า สุนัขมีความแม่นยำในการจำแนกผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สูงถึง 94.8% ซึ่งกรมควบคุมโรคได้อนุมัติและอนุญาตให้โครงการฯ นำสุนัขไปปฏิบัติงานในพื้นที่สาธารณะได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยงานวิจัยดังกล่าวยังสามารถนำไปพัฒนาและต่อยอดการใช้สุนัขดมกลิ่นเพื่อตรวจหาผู้ป่วยโรคอื่น ๆ ต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง : เพราะทุกคนคือพลังสำคัญของการก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19  สนับสนุนความพร้อมด้านการรักษา นอกจากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในการรักษา ก็เป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลานี้ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด จึงสนับสนุนความพร้อมด้านการรักษาผ่านโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ (Powered Air Purifying Respirators) ตู้ตรวจเชื้อความดันบวก (Positive Pressure Isolation Chamber) หน้ากากอนามัย N95 แว่นครอบตานิรภัย (Safety Goggle) และชุดคลุมปฏิบัติการ (Protective Coverall) เพื่อการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์และหน่วยงานภาครัฐทั้งในกรุงเทพฯ สงขลา นครศรีธรรมราช ชลบุรี และสมุทรสาคร  ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง : เพราะทุกคนคือพลังสำคัญของการก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19  ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง : เพราะทุกคนคือพลังสำคัญของการก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19  นอกจากนี้ ยังมอบบัตรเติมน้ำมัน CALTEX Starcash มูลค่ารวม 125,000 บาท เพื่อส่งเสริมการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 ของโรงพยาบาลบ้านแพ้ว โรงพยาบาลสมุทรสาคร โรงพยาบาลกระทุ่มแบน และโรงพยาบาลนครท่าฉลอม ในจังหวัดสมุทรสาคร และโรงพยาบาลแม่สอด ในจังหวัดตาก และมอบงบประมาณสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานสาธารณสุข เช่น มอบเงิน 500,000 บาท แก่มูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อสนับสนุนโครงการสงขลาสู้โควิด และภารกิจรับมือโควิด-19 ในจังหวัดสงขลาทุกภาคส่วน ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง : เพราะทุกคนคือพลังสำคัญของการก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19  สร้างภูมิคุ้มกันผ่านภารกิจฉีดวัคซีน ชาทิตย์มองว่าการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน นอกจากจะอาศัยการตรวจและการรักษาที่มีประสิทธิภาพแล้ว ควรป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดของเชื้อระลอกใหม่ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด จึงสนับสนุนภารกิจฉีดวัคซีนของหน่วยงานสาธารณสุข เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยมอบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ มูลค่า 2,306,096 บาท แก่ศูนย์วัคซีน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และคอมพิวเตอร์แบบพกพาจำนวน 20 เครื่อง รวมมูลค่า 410,880 บาท แก่สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร  สำหรับใช้ในการดำเนินงานฉีดวัคซีนของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพและสะดวกรวดเร็ว  ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง : เพราะทุกคนคือพลังสำคัญของการก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19  ส่วนทีมบุคลากรของเชฟรอนที่เชี่ยวชาญในเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศและการปรับปรุงกระบวนการทำงาน ได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเพื่อนำมาวางระบบการทำงานของจุดบริการวัคซีนโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร และนำเสนอให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาเพื่อนำมาดำเนินการจริง ณ จุดบริการวัคซีนโควิด-19 ทั้ง 5 แห่งของจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนถึงวันละ 10,000 คน    นับว่าโครงการต่าง ๆ ของ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด สะท้อนให้เห็นถึงพลังขององค์กรที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ผ่านการสนับสนุนทั้งรูปแบบที่เป็นตัวเลขและรูปแบบที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ซึ่งเชฟรอนยังคงมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสนับสนุนสิ่งเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง : เพราะทุกคนคือพลังสำคัญของการก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19  โดย อาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวเสริมในตอนท้ายว่า “นอกจากการสนับสนุนที่ได้ดำเนินการไปแล้ว บริษัทฯ ยังอยู่ในระหว่างจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ เพิ่มเติม รวมถึงแสวงหาโอกาสในการให้ความช่วยเหลือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในด้านองค์ความรู้และงบประมาณอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพในการรับมือกับวิกฤตโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อร่วมเป็นพลังสนับสนุนให้ประเทศไทยและคนไทยก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน”