05 ก.ย. 2568 | 12:30 น.
เมื่อทุกการเดินทางของแต่ละคนมีหลากหลาย ความหมายของทุกทริปจึงแตกต่างกัน แล้วถ้าการเดินทางคือ “ของขวัญ” ...คุณอยากมอบ “ของขวัญ” นั้นให้กับใคร?
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนค้นหาความสุขที่ซ่อนอยู่จากการออกทริปในความหมายใหม่ จากโครงการ My Trip, Your Gift – ทริปของฉัน ของขวัญให้เธอ ภายใต้แคมเปญ Grand Moment เปิดพื้นที่ชวนคอนเทนต์ครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และนักท่องเที่ยว มาร่วมกันประกวดออกแบบ “เส้นทางแห่งการให้” จากกว่า 250 ไอเดียเส้นทางที่ส่งเข้ามาในรอบแนวคิด คณะกรรมการได้คัดเลือก 20 ผลงาน พร้อมมอบทุนสนับสนุนเพื่อลงพื้นที่ไปผลิตคอนเทนต์วิดีโอสั้น
จนกระทั่งได้ 4 ผลงานที่ดีที่สุดในแต่ละรูปแบบของการ “เที่ยวเพื่อให้” ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าการ “ออกทริป” ก็สามารถเป็น “ของขวัญ” ที่มีคุณค่าต่อตัวเอง ชุมชน สังคม หรือสิ่งแวดล้อม
เมื่อพูดถึงคำว่า Wellness หลายคนมักคิดถึงโรงแรมหรือรีสอร์ทที่มีสปาหรูหรา พร้อมราคาหลายพัน หลายหมื่น หรือหลายแสน
“แต่ทริปนี้อยากบอกว่า เราสามารถมีสุขภาวะที่ดีทั้งกายและใจอย่างครบถ้วนด้วยค่าใช้จ่ายย่อมเยาว์”
สำหรับ ไอรดา เจาะสุนทร ฟรีแลนซ์กราฟิกดีไซน์ วัย 31 ปี ออกแบบการเที่ยวพัทลุง 3 วัน 2 คืน ให้เป็นเส้นทางพาตัวเองไปพบความเบากาย บายใจ กับนักบำบัดที่ชื่อธรรมชาติ ในชื่อทริปว่า Wellness บ้านทุ่ง ทริปพัทลุง ถลุงตังค์วันละหลักร้อยก็หรอยได้
ทริปของไอรดานั้นเรียบง่ายแต่เปี่ยมความหมาย เลือกพักที่สวนสมรมบ้านหัวพรุ เก็บพืชผักในสวนมาทำข้าวยำกินเอง ขึ้นควนนกเต้นไปรับพลังยามเช้า แช่เท้ากระตุ้นการไหลเวียนเลือดที่บ่อน้ำร้อนเขาชัยสน พักจากหน้าจอมานั่งระบายสีที่สุขสกาว สองสายรักษ์ สัมผัสความเงียบสงบขณะล่องเรือในถ้ำ ผ่อนคลายกับการนวดคลายเส้น และเดินตลาดเลือกซื้อผักพื้นบ้านที่เสมือนยาจากธรรมชา
“ตอนกลับจากทริปนี้ประทับใจมาก เพราะรู้สึกว่าได้เสริมสร้างสุขภาวะทั้งภายนอกและภายใน และพัทลุงเองก็มีเสน่ห์ในหลายแบบ ไม่ว่าจะเที่ยวเพื่อสุขภาพ ทำบุญ หรือแอดเวนเจอร์ ก็สามารถตอบโจทย์การเที่ยวเพื่อให้ตัวเองได้” เธอบอก
ของขวัญที่ไอรดามอบให้ตัวเองครั้งนี้คงไม่ใช่ความสุขชั่วคราว แต่เป็นพลังงานดี ๆ ที่สามารถพกกลับไปใช้ต่อในชีวิตประจำวัน สมกับรางวัลชนะเลิศใน รูปแบบเส้นทางแห่งการให้ตัวเอง (Self-Giving Routing) ที่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้พักกายและหายใจอย่างเต็มอิ่ม
แม้ว่าหลายครั้งที่การเที่ยวเป็นเหมือนการให้ของขวัญกับตัวเอง แต่การได้ไปแลกเปลี่ยนความสุขกับผู้คน และชุมชนในทริปที่ได้ไปเยือนนั้น ก็เต็มไปด้วยความหมายไม่แพ้กัน
ไม่ว่าจะด้วยความคุ้นชินกับการเดินทางด้วยรถไฟมาตั้งแต่เด็ก หรือเสน่ห์โลคอลอันเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะชุมชน และผู้คน จึงทำให้ นุชรีย์ บัวนาค วัย 25 ปี พนักงานการตลาด บริษัทอสังหาริมทรัพย์ เลือกออกแบบทริป นั่งรถไฟไปนครฯ นอนคีรีวง 2 วัน 1 คืน เพื่อสัมผัสความพิเศษของที่นี่อีกครั้ง
เธอกลับไปย้อนความทรงจำแสนพิเศษของชุมชนในสายหมอกแดนใต้ ด้วยการพักโฮมสเตย์แห่งเดิมที่คีรีวง และได้ประสบการณ์เยี่ยมชมสวนผลไม้ที่เป็นอาชีพหลักของชาวบ้าน
แต่ความโชคดีคือครั้งนี้มาตรงฤดูกาล จึงได้ชิมมังคุด เงาะ ทุเรียนที่สดอร่อย ลองทำเวิร์กช็อปเพ้นท์หมวกเป็นที่ระลึก ไปเที่ยวงานกำโลนที่มีศิลปะพื้นถิ่นใต้แท้ ๆ และไม่พลาดที่จะอุดหนุนสินค้าจากตลาดท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชนด้วย
“เจ้าของโฮมสเตย์กับแม่ค้าในตลาดน่ารักมาก ต้อนรับนักท่องเที่ยวเหมือนลูกหลานที่กลับบ้าน ทำให้ทริปนี้ไม่เหมือนการไปเที่ยว แต่เหมือนการไปให้ชุมชน แลกความรู้สึกดี ๆ ที่ได้รับกลับมา”
การเข้าได้ไปพัก ทำกิจกรรม และอุดหนุนผู้คนในท้องถิ่น ทำให้ทริปสั้น ๆ ของนุชรีย์กลายเป็นการส่งต่อรายได้ รอยยิ้ม และกำลังใจสู่ชุมชนโดยตรง เรื่องราวนี้เองที่เธอถ่ายทอดได้อย่างน่าประทับใจ จนได้รับรางวัลชนะเลิศในรูปแบบ เส้นทางแห่งการให้ชุมชน (Giving to Community Routing)
“ทริปนี้พิเศษ เพราะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านอย่างใกล้ชิด เก็บความประทับใจจากกิจกรรมที่มีส่วนร่วมกับชุมชน และได้เห็นว่าเราส่งต่อรายได้สู่คนในพื้นที่โดยตรงเลยนะ” เธอยืนยัน
อาจดูยาก ดูลำบาก …แต่คุ้ม
“เพราะที่นี่มีครูจากส่วนกลางเข้ามาสอนเพียงสัปดาห์ละ 2 วัน ทำให้อีก 3 วันที่เหลือต้องพึ่งพาครูอาสา”
นั่นทำให้เธอไม่ลังเล เลือก ทริป เดินทางเพื่อสังคม แบบครูอาสา ที่บ้านหนองบัวคำ อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ เพื่อสอนหนังสือเด็ก 5 คนในโรงเรียนซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษ ไม่มีไฟฟ้า และการเดินทางเข้าไปที่สะดวกสุด คือ การล่องเรือ
3 วัน 2 คืน ที่ เชียงใหม่ของ วิภาดา อาจน้อย เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ในหน่วยงานรัฐ วัย 30 ปี ถือเป็นอีกหนึ่งความหมายที่เติมเต็มคุณค่าของชีวิต เมื่อเธอแบกกระเป๋าขึ้นดอยไปทริป เดินทางเพื่อสังคม แบบครูอาสา
อาจดูยาก ดูลำบาก …แต่คุ้ม
“เพราะที่นี่มีครูจากส่วนกลางเข้ามาสอนเพียงสัปดาห์ละ 2 วัน ทำให้อีก 3 วันที่เหลือต้องพึ่งพาครูอาสา”
นั่นทำให้เธอไม่ลังเล เลือก ทริป เดินทางเพื่อสังคม แบบครูอาสา ที่บ้านหนองบัวคำ อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ เพื่อสอนหนังสือเด็ก 5 คนในโรงเรียนซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษ ไม่มีไฟฟ้า และการเดินทางเข้าไปที่สะดวกสุด คือ การล่องเรือ
นอกจากนั้น การพักบ้านครูอาสา ก่อไฟทำกับข้าวกินเอง จากข้าว ผัก ปลา ที่ชาวบ้านนำมาแบ่งปัน ตื่นแต่เช้าไปเคารพธงชาติกับเด็ก ๆ แล้วสอนหนังสือ ทำกิจกรรมศิลปะ มื้อกลางวันก็ช่วยกันทำคนละไม้คนละมือ ทุกอย่าง คือความสุขล้วนๆ
“ฟีลกู้ดที่สุด คือ ช่วงเวลาทำกิจกรรมกับน้อง ๆ เห็นแววตาแล้วรู้ว่าพวกเขาสนใจจริง ๆ และนั่นทำให้เรามีพลังใจ”
วิภาดา หมายถึง ตอนเล่านิทานก็ตั้งใจฟัง และซักถาม นิทานแต่ละเล่มใช้ทั้งภาษาไทย อังกฤษ แทรกความคิด เหตุผล วิทยาศาสตร์ต่าง ๆ เตรียมแม่สีไปสอนผสมสี เลอะเทอะแต่สนุกไปด้วยกัน
ของขวัญจากเธอแม้จะไม่เล็กและไม่ใหญ่ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหมาย และอาจเปลี่ยนชีวิตของเด็ก ๆ ในอนาคตได้
“การท่องเที่ยวเชิงอาสา ไม่ใช่แค่การเข้าไปช่วยเหลือ แต่คือการเรียนรู้ เปิดใจ และเคารพต่อวิถีที่แตกต่างไปพร้อมกัน”
เธอกล่าวเสริม
จากการเริ่มต้นที่ดูเหมือนเป็นฝ่ายหยิบยื่น แต่เมื่อได้ลงมือจริงกลับพบว่าสิ่งนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่คาดคิด และเรื่องราวการส่งต่อโอกาสแก่เด็ก ๆ ทำให้เธอได้รับคะแนนสูงสุดจนคว้ารางวัลชนะเลิศใน รูปแบบเส้นทางเที่ยวเพื่อให้สังคม (Giving to Society Routing)
ความตระหนักในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้นำพา อนิรุจน์ คงศร วัย 35 ปี อดีตวิศวกรคอมพิวเตอร์ที่ผันสู่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ มารู้จักกับบ้านมดตะนอย จ.ตรัง ที่เคยเจอมรสุมถล่มหมู่บ้าน จนเกิดเป็นทริป มดตะนอย คอยช่วยสิ่งแวดล้อม
“ตอนนั้นขับรถไปดูด้วยตัวเอง ได้พูดคุยกับชาวบ้านและรับรู้ถึงความเศร้า ชาวบ้านบางส่วนยังไม่กล้ากลับมาอยู่ ไหนจะต้องเตรียมตัวรับมือกับมรสุมที่อาจมาอีกในอนาคต” เขาเล่าถึงข่าวมรสุมถล่มหมู่บ้านมดตะนอยเมื่อปลายปี 2567
Day Trip ครั้งใหม่ของคอนเทนท์ครีเอเตอร์หนุ่มได้เห็นการปรับตัวอยู่กับธรรมชาติแบบสมดุล ร่วมลงมือปลูกป่าชายเลนเพื่อสร้างพื้นที่อนุบาลสัตว์น้ำ ชมธนาคารปูม้า ปล่อยพันธุ์ปู ทำบ้านปลา เก็บขยะทะเลด้วยถุงที่ทำจากเศษอวน แล้วชุบชีวิตขยะทะเลเป็นสินค้าส่งไปขายในตัวเมือง ล่องเรือไปดูสันหลังมังกร ฝูงนกนับพัน และปูตัวเล็ก ๆ นับไม่ถ้วน
“วันนี้รู้สึกดีที่ได้เห็นชาวบ้านฮึกเหิม ต่อสู้กับเสียงเตือนของธรรมชาติด้วยการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากกิจกรรมเล็ก ๆ ที่ทำได้”
ใครจะคิดว่าพายุที่ซัดเข้าสู่ชายฝั่ง สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและจิตใจในครั้งนั้น จะกลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อการอนุรักษ์ที่สร้างสรรค์ มีประโยชน์ โดดเด่นเข้าตากรรมการ และชนะเลิศในรูปแบบ เส้นทางเที่ยวเพื่อให้สิ่งแวดล้อม (Giving to Environment Routing)
“ได้เห็นธรรมชาติที่งดงาม และเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่น เตะบอล จับปูจับปลาริมชายหาดอย่างมีความสุข ทำให้รู้ว่าพลังของการอนุรักษ์ไม่ใช่เรื่องไกลเกินตัว แต่คือสิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำได้ในทุกการเดินทาง”
อนิรุจน์ทิ้งท้าย
แต่ละรูปแบบของการ “เที่ยวเพื่อให้” สิ่งที่น่าสนใจไม่ได้อยู่ที่การแข่งขันหรือเงินรางวัล แต่คือแรงบันดาลใจแห่งการให้ที่อยู่เบื้องหลังผลงาน
เรื่องราวของนักเดินทางทั้งสี่ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การท่องเที่ยวไม่ได้หยุดที่ปลายทาง แต่สามารถเป็น “ของขวัญ” ที่ส่งต่อได้จริง ไม่ว่าจะให้กับตัวเอง ชุมชน สังคม หรือสิ่งแวดล้อม
ติดตามผลงานเส้นทาง “เที่ยวเพื่อให้” ของผู้ชนะเลิศทั้ง 4 รูปแบบ พร้อมดีลและโปรโมชั่นพิเศษจากผู้ประกอบการที่พัก ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว และ Traveloka รวมถึงแพ็กเกจเดินทางที่ได้แรงบันดาลใจจาก 4 เส้นทางของผู้ชนะ ซึ่งพัฒนาโดย Local Alike และ Guide Guru ที่จะพาคุณออกไป “เที่ยวเพื่อให้” ไปด้วยกันได้ทาง
• Facebook Page: My Trip, Your Gift – ทริปของฉัน ของขวัญให้เธอ
• Instagram: @mytrip.yourgift
• Line OA: @mytrip.yourgift