03 พ.ค. 2568 | 17:00 น.
KEY
POINTS
จากร้านข้าวแกงเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นด้วยการขายข้างถนนมาจนถึงวันนี้ “ร้านข้าวแกงเจ็กปุ้ย” กลายเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เต็มไปด้วยความทรงจำของคนหลายเจเนอเรชั่นในย่านเยาวราชและทั่วกรุงเทพฯ เจ้าของร้านผู้มีประสบการณ์ชีวิตยาวนาน “เจ๊เฉี๋ย” ผู้ซึ่งเริ่มเข้าครัวช่วยครอบครัวทำข้าวแกงตั้งแต่อายุเพียง 13 ปี และนำพาครอบครัวจากจุดเริ่มต้นในย่านที่เป็นชุมชนจีนมายังจุดที่มีชื่อเสียงในทุกวันนี้
ครอบครัวเจ๊เฉี๋ยนั่นมากจากประเทศจีน ซัวเถา โดยเริ่มจากอากง หรือ “เจ็กปุ้ย” เจ้าของรุ่นที่หนึ่ง ได้ย้ายตามญาติมาขายข้าวแกงที่ประเทศไทย ในครอบครัว เจ๊เฉี๋ยเป็นลูกสาวคนเล็ก มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน และน้องชาย 1 คน ที่เจ๊เฉี๋ยเริ่มช่วย พ่อ แม่ เข้าครัวทำข้าวแกงขาย เพราะต้องการที่จะแบ่งเบาภาระพ่อแม่ โดยเจ๊เฉี๋ยกล่าวไว้ว่า
“ถ้าพ่อแม่ลำบากได้ เราก็ลำบากได้เหมือนกัน”
ชีวิตของเจ๊เฉี๋ยนั้นเรียกได้ว่าอยู่กับทำมาหากินมาทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนจีน วัยเด็กของเจ๊เฉี๋ยนั้น ไม่มีโอกาสไปวิ่งเล่นเหมือนคนอื่นเขา พี่น้อง 3 คนไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะเวลาชีวิตในวัยเด็กของเธอก็หมดไปกับการช่วยงานที่บ้านแล้ว เจ๊เฉี๋ยเริ่มเข้าครัวช่วยพ่อแม่ตั้งแต่อายุ 13 ปี เธอบอกกับพวกเราว่า ไม่เสียดายชีวิตในวัยเด็กเลย เพราะยินดีที่จะช่วยพ่อแม่ทำงาน
“ช่วงที่มีความสุขในชีวิตวัยเด็ก คือ เราทำมาค้าขายเองได้ ช่วยพ่อแม่ได้”
คนเราเป็นพ่อค้าแม่ค้าต้องมีความอดทน เขาว่าเรา ติเรา เราก็ยิ้มอย่างเดียว นั่นคือสิ่งเจ๊เฉี๋ย บอกกับเรา และยังคส่งต่อคำสอนไปสู่ลูกหลาน
ปัจจุบันถึงเจ๊เฉี๋ยจะอายุ 76 ก็ตามแล้ว เจ๊เฉี๋ยไม่อยากนั่งคุมร้านอยู่เฉย ๆ บางทีก็เช็ดช้อน หั่นพริก หั่นแตง เพราะเป็นสิ่งที่อากง เจ็กปุ้ย สั่งสอนครอบครัวมาว่า ช่วย ๆ กัน คอยช่วยกันในครอบครัว ทำให้ร้านนี้ไม่เป็นเพียงแต่ร้านขายข้าวแกง แต่ยังเป็นจุดศูนย์กลางของครอบครัวในวันรวมญาติ
“54 ปีแล้วที่เราดูแลร้าน มันเป็นความภาคภูมิใจที่เราสามารถส่งลูกหลานทุกจนจบ”
เจ๊เฉี๋ยยังบอกอีกว่า ยังคงมีความสุขกับการทำธุรกิจนี้มาก เหนื่อยแต่ไม่ท้อ กิจการนี้พี่น้องสามัคคี ช่วยกันทำอยู่ทุกคน ลูกหลานอยู่เบื้องหน้า เจ๊เฉี๋ยอยู่เบื้องหลัง ทุกวันนี้เหล่าลูกสะใภ้ ลูกเขย และหลาน ๆ ของเจ๊เฉี๋ยยังคอยวนเวียนช่วยกันที่ค้าขาย ช่วยกันทำอาหารที่ร้านอยู่เสมอ
เจ๊เฉี๋ยเล่าถึงความสัมพันธ์กับอากง เจ็กปุ้ยว่า ช่วงที่เธอเริ่มเข้าครัวใหม่ เธอต้องคอยแกะสูตรอาหาร คิดสูตรอาหารเอง และคอยให้อากงชิมอยู่เรื่อย ๆ ให้อากงสอนการเลือกซื้อพริกแกง เลือกซื้อวัตถุดิบ ไปจนถึงวิธีการคั่วพริกแกง
ปัจจุบันนี้ เจ๊เฉี๋ยก็ยังคงเป็นคนเลือกวัตถุดิบด้วยตัวเอง คัดเกรด จัดสเปคของทุกอย่าง ตั้งแต่พริกแกง ไข่ไก่ เนื้อสัตว์ ตามสิ่งที่ได้รับถ่ายทอดมาจากอากง
เริ่มแรกเดิมทีสมัยเริ่มต้นอากงเจ็กปุ้ยจะขายแค่ 3 อย่าง ก็คือ แกงกะหรี่หมู แกงกระหรี่เนื้อ และกุนเชียง โดยตั้งเป็นหาบแร่ปากซอยมังกร พร้อมกับเก้าอี้ไม้เตี้ยที่เรียงกันทอดยาวภายในซอย พร้อมกับผู้คนคับคั่งตั้งแต่เช้าถึงเย็น
จนเจ๊เฉี๋ยเริ่มมีความคิดที่ถ้าขายแค่สามอย่างอาจจะไม่สามารถสู้กับร้านอื่นได้ จึงเริ่มปรึกษากับอากงเจ็กปุ้ย ให้เพิ่มเติมเมนูอื่นเพิ่มเข้าไป และปรับเปลี่ยนหลาย ๆ อย่าง อาทิเช่นเก้าอี้แดงอันเป็นเอกลักษณ์ เมื่อรถบนถนนหนทางเริ่มเยอะขึ้นทำให้ฝุ่นตามข้างทางเพิ่มขึ้น
เจ๊เฉี๋ยจึงเปลี่ยนจากเก้าอี้ไม้เตี้ย สู่เก้าอี้แดง ทำให้มีลูกค้าหลายท่านเรียกร้านนี้ว่าข้าวแกงเก้าอี้ดนตรี จากการที่ลูกค้าลุกขึ้นไปเติมข้าวแกง เมื่อกลับมาก็พบว่าเก้าอี้ตัวที่เคยนั่งนั้นถูกลูกค้าคนอื่นจับจองไปเสียแล้ว
“ก็ภูมิใจ ด้วยมือของอาม่าสองมือนี้ สู้มาตลอด”
เจ๊เฉี๋ยกล่าวอย่างภูมิใจ เพราะว่าช่วงที่เริ่มขยายเจ๊เฉี๋ยนั้น เธอเป็นคนคอยแกะสูตรแกงต่างๆ เอง เคยแกะไข่ไก่ต้ม 200-300 ฟอง แต่เจ๊เฉี๋ยบอกว่า ไม่เคยท้อ เพราะตอนที่เธอเห็นว่าลูกค้ายังกลับมาทานที่ร้าน กลับมาซื้อซ้ำเรื่อยๆ ทำให้หัวใจของเจ๊เฉี๋ยพองโต ยิ่งมีกำลังใจในการตื่นมาทำงาน และมุ่งมั่นกับร้านนี้ต่อไป
เป็นเวลากว่าเจ็ดทศวรรษแล้วที่เจ๊เฉี๋ย ผ่านชีวิตที่ยากลำบาก สู่ร้านข้าวแกงทีี่หาเงินได้เยอะจนเลี้ยงคนทั้งครอบครัวได้ การเปลี่ยนผ่านจุดนั้น ไม่เคยทำให้เจ๊เฉี๋ยเปลี่ยนไป เธอก็ยังเหมือนเดิม ยังคงชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ได้หรูหรา แต่ก็ไม่เคยปล่อยให้ลูกหลานไม่อิ่มท้อง
“รักอยู่ในใจ อย่าให้เขาหมด”
เป็นเคล็ดลับการเลี้ยงลูกหลานของเจ๊เฉี๋ยที่ทางเราได้ถามไป เธอให้เหตุผลว่า ต้องค่อย ๆ สอน ค่อย ๆ ให้ ตอนเด็กนั้นยังดัดง่าย ถ้าเราให้เขาทุกอย่าง หยวนให้เขาทุกอย่าง มันก็จะดัดยาก ไม่อยากให้เขาเหลิง ถึงแม้จะสามารถหาให้เขาได้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่เคยปล่อยให้เงินทองไหลสบาย
ด้วยความที่เจ๊เฉี๋ยโตมาด้วยการลงมือทำด้วยตัวเองทุกอย่าง เธอจึงนำจุดนั้นมาคอยสั่งสอนให้ลูกหลาน ให้ลูกหลานลงมือทำด้วยตัวเอง ปล่อยให้ลูกหลานทำกันเอง เรียนรู้ด้วยตัวเอง คอยคุมอยู่ห่าง ๆ
“จะเรียกว่าเกษียณก็ยังไม่ได้เกษียณ ยังคงคุมทุกอย่าง เราต้องไปจ้ำจี้อะไรบางอย่างอยู่”
ประสบการณ์ที่สั่งสมมา คำกล่าวสอนของอากงเจ็กปุ้ยที่ได้รับ ได้ถ่ายทอดสู่เหล่าลูกหลาน เจ๊เฉี๋ยยังคอยสั่งสอนยังคอยคอยคุมอยู่ที่ร้านเสมอ เพื่อที่จะทำให้ร้านนี้ยังคงครองใจคนได้อยู่ไปอีกหลายสิบปี
ร้านข้าวแกงเจ็กปุ้ยตั้งอยู่ที่ 25, ถนนมังกร กรุงเทพมหานคร (ซอยข้าง ๆ วัดเล่งเน่ยยี่) 200 ม. จาก MRT วัดมังกร 700 ม. จาก MRT สามยอด
ทางร้านเปิดให้ซื้อกลับบ้านได้ตั้งแต่ 11:00 น
เปิดให้นั่งทานที่ร้านได้ตั้งแต่ 14:00-19.30 น.
เบอร์ติดต่อ 02 222 5229