23 ธ.ค. 2568 | 17:03 น.

KEY
POINTS
คริสต์มาส ถือเป็นวันสำคัญของชาวคริสต์ทั่วโลก เพราะนี่คือช่วงเวลาที่ครอบครัวหรือเพื่อนจะมาอยู่กันพร้อมหน้าเพื่อเฉลิมฉลอง จับของขวัญ และแขวนถุงเท้าไว้ที่ขอบเตาผิงเพื่อรอ ‘ซานตาคลอส’ คุณลุงร่างท้วมผู้ใจดีและอบอุ่น เคราขาวฟู สวมชุดสีแดงขอบขาวมาที่บ้านเพื่อนำของขวัญไปแจกเด็ก ๆ ในคืนวันคริสต์มาสอีฟ
เด็กหลายคนต่างเฝ้าภาวนาให้ได้เจอและพูดคุยกับคุณลุงซานตาสักครั้งในชีวิต พวกเขาจึงเริ่มเขียนจดหมายบอกเล่าความในใจให้คุณลุงขั้วโลกเหนือคนนี้รู้ ท่ามกลางความหวังอันบริสุทธิ์นั้น คริสต์มาสในโลกความจริงก็เคยมีช่วงเวลาที่ “จดหมายถึงซานตา” ถูกใช้เป็นเครื่องมือ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ไม่ได้อบอุ่นอย่างใครคาดถึง
ในนครนิวยอร์กช่วงทศวรรษ 1910 จอห์น ดูวัล กลัคก์ จูเนียร์ (John Duval Gluck Jr.) ปรากฏตัวขึ้น โดยอาสาเป็น 'ผู้ตอบจดหมายถึงซานตา' ทำให้ความปรารถนาของเด็ก ๆ เป็นจริง พร้อมกับก่อตั้งองค์กรการกุศลในชื่อ ‘Santa Claus Association’ หรือ 'สมาคมซานตาคลอส'
เบื้องหลังถ้อยคำอันแสนดี และเป้าประสงค์ที่สร้างสรรค์นั้น แท้จริงแล้วเขาคือสิบแปดมงกุฎที่ใช้ซานตาเป็นเครื่องมือในการระดมเงินจากผู้คนในนิวยอร์กหลายล้านเหรียญ
ผู้คนต่างยกย่องให้เขาเป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตา ทว่ากงล้อแห่งกาลเวลาค่อยๆ เผยด้านมืดของเขา และหมุนไปสู่จุดที่ภาพลักษณ์ความใจบุญของเขาเริ่มสั่นคลอน จนกลายเป็นมหากาพย์การหลอกลวงครั้งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์คริสต์มาส
เดิมทีแล้วเรื่องจดหมายกับซานตานั้น ไม่ได้เริ่มขึ้นด้วยการ ‘เขียนถึง’ แต่เป็นการ ‘เขียนจาก’ ซานตา โดยผู้ที่สวมบทบาทนั้น คือเหล่าคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการสอนเรื่องการเป็นเด็กดีผ่านจดหมายของ ‘ซานตา’ ว่าที่ผ่านมาเป็นเด็กดี หรือเด็กดื้อ ทำให้ช่วงต้นของศตวรรษที่ 19 ซานตาเป็นเหมือนกุศโลบายในแง่การอบรมวินัยเสียมากกว่า
ก่อนที่เวลาต่อมา ภาพประกอบคริสต์มาสของนักวาดการ์ตูน โธมัส แนสต์ (Thomas Nast) ที่วาดให้นิตยสาร Harper’s Weekly จะเปลี่ยนคาแรกเตอร์ของซานตาให้เป็นคุณลุงสวมชุดสีแดงและเคราสีขาวที่คนทั่วโลกคุ้นเคยมากที่สุด นอกจากนี้ ชุดสีแดงของซานตาที่แนสต์วาดเป็นการสะท้อนถึงการจัดส่งจดหมายยุคแรกของระบบไปรษณีย์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
หนึ่งในภาพวาดอันโด่งดังของโธมัส แนสต์ คือภาพที่ชื่อว่า Santa Claus’s Mail ที่คุณลุงซานตากำลังนั่งจดหมายอยู่ที่โต๊ะทำงาน อ่านจดหมายและแยกออกเป็นสองกอง จดหมายกองแรกติดป้ายว่า จดหมายจากพ่อแม่ของเด็กซน ซึ่งมีจำนวนเยอะจนล้นเหนือศีรษะ ส่วนอีกกองคือ จดหมายจากพ่อแม่ของเด็กดี ซึ่งมีจำนวนที่น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
และภาพนั้นเองก็ยิ่งมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดของเด็ก ๆ ไปทั่วสหรัฐฯ ที่ทำให้ในช่วงทศวรรษที่ 1870 การเขียนจดหมายถึงซานตาคลอสกลายเป็นหนึ่งในธรรมเนียมประจำเทศกาลของเด็ก ๆ ไปโดยปริยาย โดยเฉพาะเด็กยากไร้นับพันคนที่จ่าหน้าซองถึงซานตาคลอส และตั้งความหวังว่าซานตาจะมอบสิ่งที่พวกเขาต้องการได้
ภาระนี้จึงตกไปอยู่ที่ไปรษณีย์ที่จะต้องจัดการกับกองจดหมายมหาศาลซึ่งมิอาจส่งให้ถึงมือผู้รับได้ จึงจำเป็นต้องส่งคืนหรือโอนไปยังแผนกจดหมายตกค้าง (Dead Letter Office) เพื่อลดภาระงานของที่ทำการไปรษณีย์
แน่นอนว่าสิ่งนี้อาจทำให้เด็ก ๆ ที่ตั้งตารอคำอธิษฐานที่เขียนไปในจดหมายต้องผิดหวังเสียใจ ทางไปรษณีย์จึงแก้ไขปัญหาด้วยการประกาศแก่สาธารณชนว่า หากผู้ใดมีความประสงค์จะรับหน้าที่ตอบจดหมายถึงซานตาคลอส ทางหน่วยงานก็ยินดีที่จะส่งมอบจดหมายเหล่านั้นให้ดำเนินการต่อ
ซึ่งนั่นเป็นโอกาสทองชั้นเลิศของชายที่ชื่อว่า จอห์น กลัคก์
จอห์น ดูวัล กลัคก์ จูเนียร์ เกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1878 ในย่านบรูคลิน นิวยอร์ก ก่อนจะไปเติบโตที่เมืองเวสต์ฟิลด์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ เขาเป็นลูกชายคนโตในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 5 คน
พ่อของเขาเป็นนายหน้าศุลกากร (Customs Broker) ฐานะทางการเงินของครอบครัวจึงมั่นคง เมื่อถึงช่วงคริสต์มาส ในบ้านตระกูลกลัคก์อบอวลไปด้วยบรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาสอย่างเต็มที่เสมอ ทั้งงานเลี้ยงที่หรูหรา และกองของขวัญมากมาย ทั้งหมดนี้ประดับอยู่ในความทรงจำวัยเยาว์ของเขา
ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยหนุ่ม จอห์นป็นชายเจ้าเสน่ห์ ขี้เล่น และเชื่อมั่นเสมอว่าตนเองเกิดมาคู่ควรกับชีวิตที่หรูหราและโดดเด่นกว่าใคร ทว่าพ่อแม่กลับคาดหวังให้เขาสานต่อกิจการนายหน้าศุลกากรของตระกูล เพื่อให้ครอบครัวมีชีวิตที่มั่นคง
จอห์นเติบโตตามกรอบที่ครอบครัววางไว้ เขาแต่งงานและรับช่วงกิจการต่อหลังจากผู้เป็นพ่อที่เสียชีวิต แต่เขาก็ค้นพบว่าความมั่นคงที่ครอบครัวให้นั้นมันช่างน่าเบื่อไร้ชีวิตชีวา เขาจึงเลือกทางเดินชีวิตของเขาเอง ตัดสินใจหย่ากับภรรยา และใช้ชีวิตเป็นหนุ่มโสด
เขาใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างหรูหรา คบค้าสมาคมกับกลุ่มคนชนชั้นสูงและผู้มีอิทธิพลมากมาย และเวลานั้นเขาเริ่มทำงานประชาสัมพันธ์ ซึ่งกำลังรุ่งเรืองมากในยุคนั้น จอห์นมีพรสวรรค์ในการปั้นภาพลักษณ์และสร้างกระแสสังคมได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เขาได้รับงานใหญ่ชิ้นหนึ่ง นั่นคือ งานแสดงสู้วัวกระทิงที่โคนีย์ ไอส์แลนด์ (Coney Island) แต่ผลลัพธ์กลับจบลงด้วยความล้มเหลว ซ้ำยังถูกฟ้องร้องในคดีทารุณกรรมสัตว์ เป็นผลให้ชื่อเสียงของเขาเสียหายยับเยินพอสมควร
ขณะที่จอห์นกำลังหาทางกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเอง ก็เป็นจังหวะประจวบเหมาะกับที่ไปรษณีย์สหรัฐฯ ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่ ที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปที่มีจิตศรัทธาสามารถรับจดหมายจากเด็ก ๆ ไปตอบในนามซานตาคลอสได้
ตัวเขาเองก็เกิดในวันคริสต์มาส ในสายตาของจอห์น เวลานี้นับเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะทวงคืนชื่อเสียงและเฉิดฉายด้วยภาพลักษณ์ใหม่ในคืนวันคริสต์มาส
จอห์น กลัคก์เข้าไปคุยกับที่ทำการไปรษณีย์ เสนอตัวที่จะเป็นคนกลางระหว่างเด็กที่อยากส่งจดหมาย และจิตอาสาชาวนิวยอร์ก
ทันทีที่ได้รับอนุญาตจากทางไปรษณีย์ให้เป็นผู้ดำเนินการ จอห์นก็ได้เนรมิตพื้นที่หลังร้านอาหารในนิวยอร์กที่เพื่อนแบ่งให้ใช้กลายเป็นที่ทำการ ภายใต้ชื่อ ‘Santa Claus Association’ หรือ 'สมาคมซานตาคลอส' เริ่มระดมอาสาสมัครผู้มีจิตศรัทธามาร่วมกันทำความฝันของเด็กๆ ให้เป็นจริง ซึ่งจิตอาสาของสมาคมมีตั้งแต่สตรีชนชั้นสูง กลุ่มคนเกษียณ ไปจนถึงเหล่าผู้มีอิทธิพลในแวดวงอุตสาหกรรม
ในปีแรก งานอาสานี้เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม จดหมายหลั่งไหลเข้ามาที่สมาคมมากกว่าร้อยฉบับต่อวัน แต่ถึงแม้ในช่วงแรกจะมีจิตอาสาเพียงแค่หยิบมือ จอห์น กลัคก์ก็สามารถบริหารจัดการได้อย่างเป็นระบบ สะท้อนให้เห็นถึงสายเลือดนักบริหารที่เขาได้รับสืบทอดมาจากผู้เป็นพ่อ
หลังจากที่ได้รับจดหมายมาก็ต้องตรวจสอบคัดกรองให้แน่ใจว่ามาจากเด็กที่ยากไร้หรือมีความเดือดร้อนจริง ก่อนจะส่งต่อให้อาสาสมัครเขียนตอบกลับไปหาเด็ก ๆ ราวกับว่าพวกเขาได้พูดคุยกับซานตาตัวจริง เป็นการสร้างความผูกพันอันอบอุ่นและมอบความทรงจำที่น่าประทับใจให้แก่เด็กๆ
นอกจากความปรารถนาที่จะได้พูดคุยกับซานตาแล้ว เด็กบางคนยังขอของขวัญอย่างตุ๊กตาหรือชุดคาวบอยตามประสาเด็ก ในขณะที่เด็กอีกหลายคนกลับร้องขอยารักษาโรคหรืออาหาร เพื่อประทังชีวิตคนในครอบครัวที่กำลังตกยาก
ขั้นตอนสุดท้าย จอห์นจะจัดสรรจดหมายแต่ละฉบับให้กับผู้บริจาค เพื่อให้ผู้บริจาคเป็นคนซื้อและส่งของขวัญให้เด็กด้วยตนเอง เพราะทางสมาคมยึดหลักการว่าจะไม่รับเงินบริจาคเข้าสู่สมาคมโดยตรง ยกเว้นเงินบริจาคสำหรับค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์ ค่าไปรษณีย์ รวมถึงการจัดซื้อของขวัญให้แก่เด็ก ๆ ที่ขาดแคลนเท่านั้น
ในที่สุด หมากที่จอห์นวางเอาไว้ก็สัมฤทธิผล หนังสือพิมพ์หลายสำนักตีพิมพ์ข่าวสมาคมซานตาคลอสอย่างครึกโครม จอห์น กลัคก์กลายเป็นคนดังที่ทั่วสหรัฐต้องรู้จัก ผู้คนมากหน้าหลายตาชื่นชมและยกย่องเขาว่าเป็นซานตาคลอสในชีวิตจริง ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้หลายครัวเรือน และเป็นคนดีมีน้ำใจในสายตาของคนทั้งประเทศ
การรับบทซานตาคลอสของจอห์น กลัคก์ ทำให้เขาในตอนนี้มีทั้งชื่อเสียงและยกระดับฐานะตัวเองได้มากกว่าแต่ก่อน และกลบชื่อเสียของเขาในอดีตได้หมดจด เรียกว่าไปได้สวยเกินคาดเลยทีเดียว
ก่อนจะถึงช่วงเทศกาลคริสต์มาส จอห์นจะเริ่มระดมเงินบริจาคสำหรับค่าแสตมป์และค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง ผู้ใจบุญมากมายต่างร่วมใจบริจาค เพราะชื่นชมรูปแบบการกุศลที่มอบความสุขให้เด็ก ๆ ซึ่งโปร่งใสวางใจได้ ทำให้มีเงินบริจาคหลั่งไหลเข้าสมาคมมากขึ้นกว่าเดิม และจอห์น กลัคก์ก็เป็นผู้ดูแลเงินบริจาคทั้งหมดขององค์กร
แต่มนุษย์ก็คือมนุษย์ เมื่อเห็นเงินกองอยู่ตรงหน้า มีหรือจะไม่หวั่นไหว จอห์นอาศัยช่องโหว่จากการเป็นผู้ดูแลบัญชี เริ่มเบิกเงินของสมาคมออกมาโดยอ้างว่าเป็นค่าแสตมป์ ซึ่งเขาทำได้อย่างแนบเนียนโดยไม่มีใครเอะใจ
เงินที่จอห์น กลัคก์ เบิกเป็นค่าแสตมป์มักสูงเกินความเป็นจริงเสมอ แต่แทนที่จะคืนเงินส่วนต่างเข้าสมาคม เขากลับยักยอกไปใช้ปรนเปรอชีวิตที่หรูหรา และใช้เงินเหล่านั้นเป็นใบเบิกทางเข้าสู่สังคมชั้นสูงเพื่อสร้างเครือข่ายกับกลุ่มผู้มั่งคั่ง
ยิ่งเวลาผ่านไป จอห์นยิ่งถลำลึกในความทุจริตอย่างไม่ละอาย เขาใช้กลวิธีสารพัดเพื่อดึงเงินเข้าสมาคม ตั้งแต่การทำหนังสือประจำปีเพื่อขายพื้นที่โฆษณา เล่นละครตบตาแสร้งว่าสมาคมกำลังขัดสนเงินค่าแสตมป์ ทั้งที่สถานะทางการเงินก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด
ทว่าสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ยังเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของเล่ห์เหลี่ยมที่จอห์นซุกซ่อนไว้ ครั้งหนึ่ง กองลูกเสือแห่งอเมริกาที่ชื่อ U.S. Boy Scouts เคยตกอยู่ในภาวะวิกฤตทางการเงิน จอห์น กลัคก์ จึงสบโอกาสก้าวเข้ามาเป็นผู้ระดมทุนโดยใช้ชื่อเสียงขององค์กรบังหน้าทำข้อตกลงลับที่เอื้อประโยชน์ให้ตนเองอย่างมหาศาล ด้วยการหักเงินบริจาคสูงถึง 40% เข้ากระเป๋าตัวเองเป็นค่าตอบแทน
จอห์นเปลี่ยนองค์กรเด็กให้กลายเป็นเครื่องมือหากินผ่านกลยุทธ์ที่ไร้จริยธรรม ทั้งการใช้แรงงานเด็กจัดการกองจดหมายมหาศาล และการแอบอ้างชื่อผู้มีอิทธิพลมาประดับหัวจดหมายเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือปลอมๆ ในยุคที่กฎหมายองค์กรการกุศลยังตามไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขา
ไม่เพียงเท่านั้น จอห์นยังเคยเรียกสื่อมวลชนมาทำข่าวการระดมเงินทุนเพื่อสร้าง “อาคารซานตาคลอส” แห่งแรกในแมนฮัตตัน อาคารภายนอกจะถูกออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง มีรูปปั้นซานตาคลอสเป็นอนุสรณ์จิตวิญญาณของคริสต์มาส
ส่วนภายในจะมีสำนักงานของสมาคมซานตาคลอส หอประชุม ห้องสมุด ร้านอาหารหรู สวนบนดาดฟ้า และครัวที่สามารถปรุงอาหารเลี้ยงคนได้นับพันในคราวเดียว ผู้คนมากมายร่วมลงเงินบริจาคให้กับเขาด้วยความไว้วางใจ แต่เวลาผ่านไปก็ไม่มีทีท่าว่าอาคารนี้จะเริ่มก่อสร้างเลยแม้แต่น้อย
และแล้ววิมานบนกองเงินกองทองของจอห์นก็เริ่มสั่นคลอน เมื่อ เจมส์ อี. เวสต์ (James E. West) ผู้นำผู้เที่ยงตรงแห่ง Boy Scouts of America (BSA) มิอาจทนต่อพฤติกรรมอันฉ้อฉลของจอห์นและกองลูกเสือ U.S. Boy Scouts ที่จงใจใช้คำว่า "Scouts" หรือ “ลูกเสือ” เพื่อสร้างความสับสนให้สาธารณชนหลงเชื่อว่ากำลังบริจาคเงินให้กองลูกเสือสหรัฐฯ เวสต์จึงตัดสินใจเปิดศึกทางกฎหมายครั้งใหญ่กับจอห์นเพื่อหยุดยั้งขบวนการนี้
ในที่สุดชัยชนะก็ตกเป็นของเวสต์ เมื่อศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้กลุ่มของจอห์นใช้ชื่อหรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ "ลูกเสือ" อีกต่อไป
คดีนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฝันร้าย เพราะการต่อสู้ในชั้นศาลที่ยืดเยื้อและเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วประเทศ ความเชื่อมั่นที่เคยได้รับพังทลายลงพร้อมกับเงินสนับสนุนสมาคมซานตาคลอสที่ค่อย ๆ เหือดแห้งไปจนเกือบหมด
แต่ถึงกระนั้น จอห์น กลัคก์ก็ยังไม่ยอมทิ้งลายสิบแปดมงกุฎ เขายังคงวนเวียนหากินกับสมาคมซานตาคลอสที่เหลือเพียงชื่อ และเดินหน้าตั้งองค์กรการกุศลบังหน้าอีกนับสิบแห่ง เพราะสำหรับเขาแล้ว...ความใจอ่อนของคนยังคงเป็นบ่อเงินบ่อทองที่ตักตวงได้ง่ายที่สุดเสมอ
สิ่งที่จอห์นทำลงไป หารู้ไม่ว่าเจ้าหน้ารัฐตงฉินอีกหนึ่งคนจับตาดูเขามาเป็นเวลานานแล้ว
เขาคนนั้นคือ เบิร์ด เอส. โคเลอร์ (Bird S. Coler) กรรมาธิการสวัสดิการสาธารณะแห่งนิวยอร์กที่สงสัยในความไม่โปร่งใสของสมาคมซานตาคลอส และข้อมูลอีกสารพัดที่เขารู้มาเกี่ยวกับจอห์น
หลังจากนั้น กรรมาธิการโคเลอร์ก็เรียกจอห์น กลัคก์เข้าพบเพื่อซักถามและขอตรวจสอบเอกสารทางบัญชี ซึ่งผลก็ตามที่คาด จอห์น กลัคก์ไม่สามารถอธิบายที่มาที่ไปของเงินบริจาคจำนวนมากได้ รวมถึงการระดมทุนสำหรับโครงการ “อาคารซานตาคลอส” ที่ไม่เคยถูกสร้างขึ้นจริงและไม่มีการชี้แจงการใช้จ่ายอย่างชัดเจน
แม้โคเลอร์จะไม่มีอำนาจตามกฎหมายในยุคนั้นในการสั่งปิดองค์กรหรือดำเนินคดีอาญากับกลัคก์โดยตรง แต่เขาใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้กดดันหน่วยงานอื่นในระบบ โดยเฉพาะกรมไปรษณีย์สหรัฐฯ จนนำไปสู่การที่ไปรษณีย์สหรัฐฯ (United States Postal Service - USPS) ถอนการสนับสนุนและยุติการส่งจดหมายเด็กถึงสมาคมซานตาคลอสในปลายปี 1928 การตัดช่องทางนี้ส่งผลให้แหล่งรายได้หลักและความน่าเชื่อถือขององค์กรพังทลายลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม จอห์นได้อาศัยช่องโหว่ของกฎหมายองค์กรการกุศลและสามารถหลีกเลี่ยงการรับโทษทางอาญาได้ เขาค่อย ๆ ถอนตัวจากสมาคมซานตาคลอส ซึ่งเสื่อมบทบาทลงและเลือนหายไปในเวลาต่อมา ก่อนย้ายออกจากนิวยอร์กไปตั้งถิ่นฐานที่รัฐฟลอริดา และเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
ในปี 1951 จอห์น กลัคก์เสียชีวิตด้วยวัย 73 ปี โดยไม่เคยถูกลงโทษตามกฎหมายจากการกระทำของตน อันเป็นการปิดตำนาน ‘ซานตาคลอสแมน’ อย่างถาวร เรื่องราวของเขาเป็นหนึ่งในแรงผลักที่ทำให้หน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะไปรษณีย์สหรัฐฯ พัฒนาระบบที่รัดกุมขึ้น จนกลายเป็นโครงการ Operation Santa Claus ในศตวรรษถัดมา
และกลายเป็นตัวอย่างสำคัญที่สะท้อนยุคสมัยที่ระบบการกำกับดูแลยังอ่อนแอ และเปิดช่องให้ ‘ความตั้งใจดี’ ถูกนำไปใช้โดยไม่รู้ตัว ตำนาน ‘ซานตาคลอสแมน’ จึงจบลงในฐานะรอยรั่วสำคัญของโครงสร้างการกุศล มากกว่าจะเป็นเพียงเรื่องอื้อฉาวรายบุคคล
อ้างอิง
Abagnale, F., & Getz, J. (Hosts). (2018-Present). Holiday special: The 1920s Santa Claus scam [Audio podcast episode].The Perfect Scam. AARP. https://www.aarp.org/podcasts/the-perfect-scam/info-2019/santa-claus-scam.html
Bredderman, W. (2012, December 22). Museum tells the story of a real-life Santa. Brooklyn Paper. https://www.brooklynpaper.com/museum-tells-the-story-of-a-real-life-santa/
Fabry, M. (2015, December 21). This is how letters to Santa were first delivered by the U.S. Mail. TIME. https://time.com/4147998/history-letters-to-santa-claus/
Hagi. S. & Koul, S. (Hosts). (2022-Present). Scamfluencers [Audio Podcast]. Wondery. https://wondery.com/shows/scamfluencers/episode/10539-john-gluck-santa-claus-is-coming-to-con/
Olson, B. (2024, December 23). Con artists, armed Boy Scouts and Santa Claus. The Reader. https://sandpointreader.com/con-artists-armed-boy-scouts-and-santa-claus/