จอยม่วนโจ๊ะ : เมื่อความโจ๊ะของ ‘เฟสติวัล’ มาเจอกับความสนุกฉบับวันวาน

จอยม่วนโจ๊ะ : เมื่อความโจ๊ะของ ‘เฟสติวัล’ มาเจอกับความสนุกฉบับวันวาน

ในบางช่วงของชีวิต เราอาจไม่ได้ต้องการความสุขที่ยิ่งใหญ่ แค่ได้หัวเราะกับเพื่อน ได้ยืนอยู่กลางลานโล่ง ๆ ที่มีลมพัดเบา ๆ และเสียงดนตรีไหลเอื่อยอยู่เบื้องหลัง เพียงเท่านี้ก็พอจะทำให้ใจเรารู้สึกว่ากำลังมีชีวิตอยู่อย่างแท้จริง

บางคนเรียกช่วงเวลาเหล่านี้ว่าโมเมนต์ของความสุข บางคนเรียกมันว่า ‘เฟสติวัล’—ไม่ใช่เพียงเพราะมีศิลปินชื่อดังหรือเวทีขนาดใหญ่ แต่เพราะมีบางอย่างในบรรยากาศที่ชวนให้เรากล้าเป็นตัวเอง กล้าสนุก และกล้าเปิดใจสนุกกับคนแปลกหน้า บางครั้งสิ่งที่ตรึงใจผู้คนในเฟสติวัล ไม่ใช่เพียงเสียงเพลง แต่คือจังหวะของชีวิตที่ได้ไหลไปพร้อมกับคนอื่นโดยไม่ต้องมีบทนำหรือบทสรุป

ความสุขในแบบฉบับวันวานก็คล้ายกัน อุดมไปด้วยจังหวะที่ทั้งเร้าใจและละมุนละไมในแบบเฉพาะตัว ลองนึกถึงเสียงพากย์หนังกลางแปลงที่บางครั้งก็ลื่น บางครั้งก็หลุด แต่กลับทำให้ทั้งลานหัวเราะไปพร้อมกัน หรือบรรยากาศของงานวัดที่เต็มไปด้วยกลิ่นขนมสายไหม เสียงปืนจุกน้ำปลา และเกมโยนห่วงที่ชวนให้หัวใจเต้นแรงไม่แพ้คอนเสิร์ตวงร็อก และถ้าใครเคยได้ยืนอยู่ใต้ Mirror Ball ในดิสโก้เธคยุค 80s จะเข้าใจทันทีว่า แสงหมุน ๆ กับเบสแน่น ๆ นั้นไม่ใช่แค่แสงและเสียง แต่มัน คือการปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระได้อย่างไม่ต้องมีบท ไม่ต้องมีแบบแผน เต้นเพราะอยากเต้น สนุกเพราะใจมันบอกให้สนุก

และเมื่อนำเสน่ห์เหล่านั้นมาหลอมรวมเข้ากับจังหวะของปัจจุบัน ก็อาจกลายเป็นคำตอบว่า ทำไมงานหนึ่งงาน—ที่ชื่อว่า จอย ม่วน โจ๊ะ—ถึงอยากชวนคุณมา ‘จอย’ ไปด้วยกัน
 

‘เฟสติวัล’ ที่ไม่ได้เด่นแค่เสียงดนตรี

 

จอยม่วนโจ๊ะ : เมื่อความโจ๊ะของ ‘เฟสติวัล’ มาเจอกับความสนุกฉบับวันวาน

 

เมื่อกล่าวถึงคำว่า ‘เฟสติวัล’ (Festival) ภาพที่ผุดขึ้นในหัวของใครหลายคนมักเป็นเวทีขนาดใหญ่ แสงไฟสาดส่อง ศิลปินที่รอขึ้นแสดง และผู้คนจำนวนมากที่เตรียมตัวมาโยกหัวตามจังหวะเสียงเพลง มันเป็นภาพที่คุ้นเคยและแทบจะกลายเป็นนิยามที่ฝังแน่น ว่า ‘เฟสติวัล = การแสดงดนตรีสดของศิลปินหลายชื่อ’ แต่หากเรามองให้ลึกกว่านั้น เราอาจพบได้ว่า ‘ดนตรี’ เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้นของสิ่งที่เรียกว่า ‘เฟสติวัล’

ลองนึกถึง Glastonbury เทศกาลดนตรีและศิลปะกลางแจ้งจากเกาะอังกฤษที่เป็นหมุดหมายของใครหลายคน ไม่เพียงแค่รายชื่อศิลปินที่จะมาบรรเลงดนตรีบนเวทีเท่านั้นที่เป็นแรงดึงดูดที่น่าสนใจ แต่ยังมีโซนเวิร์กชอป โซนศิลปะ โซนละครสัตว์และการแสดง (Theatre and Circus Field) ไปจนถึงพื้นที่รณรงค์สิ่งแวดล้อม (The Green Fields) เมื่อเป็นเช่นนั้น ความสนุกของคนที่ไปเทศกาล Glastonbury จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่หน้าเวที แต่มันอยู่ที่การเดินเตร็ดเตร่ท่ามกลางโคลนเปื้อนรองเท้า ได้พูดคุยกับคนแปลกหน้าโดยไม่ต้องมีชื่อเสียงคอยแนะนำตัว หรือแม้แต่การได้นั่งพักใต้เต็นท์กับใครสักคนในวันที่ฝนตก แล้วพบว่าการ ‘อยู่ร่วมกัน’ นั้นคือประสบการณ์ที่ประเมินค่าไม่ได้และงดงามไม่แพ้กับเสียงดนตรีบนเวทีเลยแม้แต่น้อย

หรือจะขยับไปที่ Fuji Rock ในประเทศญี่ปุ่นที่จัดอยู่กลางหุบเขาในรีสอร์ตชื่อดังอย่าง Naeba Ski Resort การเดินทางไปถึงยังสถานที่จัดงานก็แทบจะเป็นพิธีกรรมหนึ่งของแฟนเฟสติวัล แต่พอไปถึง สิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้คือบรรยากาศที่อบอวลด้วยความใส่ใจ ทุกโซนถูกจัดวางอย่างมีจังหวะ ไม่เร่ง ไม่อัดแน่น แต่เปิดโอกาสให้ผู้คนได้เลือกความสุขในแบบของตัวเอง จะนั่งฟังแจ๊สเบา ๆ ท่ามกลางป่า หรือโยกหัวกับเฮดไลน์บนเวทีใหญ่ ก็ล้วนเป็นประสบการณ์ในงานเดียวกัน

สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า แก่นของเฟสติวัลคือ ‘ประสบการณ์’ และ ‘บรรยากาศ’ ที่ผู้คนที่มาร่วมงานจะได้สัมผัสและจารึกไว้ในความทรงจำร่วมกัน ไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตให้เราชมจากมุมมองผู้ฟัง แต่มันคือการออกไปอยู่ในพื้นที่เดียวกับคนแปลกหน้า ได้หัวเราะ ร้อง เต้น กิน และใช้เวลาอย่างมีความหมายร่วมกัน โดยไม่มีคำจำกัดความตายตัวว่าแบบไหนถึงจะเรียกว่า ‘สนุก’ เพราะเฟสติวัลที่ดี ไม่ได้บังคับให้คุณต้องสนุกเหมือนใคร แต่มอบพื้นที่ให้คุณสนุกในแบบของตัวเอง

 

ความสุขในแบบฉบับวันวาน

 

จอยม่วนโจ๊ะ : เมื่อความโจ๊ะของ ‘เฟสติวัล’ มาเจอกับความสนุกฉบับวันวาน

 

ความสุขมีได้หลายรสชาติ บางรสมาแบบเร้าใจ บางรสมาแบบค่อยเป็นค่อยไป และในบรรดารสชาติทั้งหมด ‘เสน่ห์ของวันวาน’ ก็เป็นอีกแบบหนึ่งที่น่าจดจำ มันคือความสนุกที่เกิดขึ้นจากจังหวะธรรมดาของชีวิต เสียงหัวเราะในวงสนทนา การลุกขึ้นเต้นกลางลานอย่างเป็นธรรมชาติ หรือเพียงแค่ได้เดินเล่นท่ามกลางแสงไฟหลากสี เสน่ห์เหล่านี้อาจไม่ได้ฉูดฉาดหรือเร่งเร้า แต่มีจังหวะที่ละมุน อบอุ่น และชวนให้เรายิ้มออกมาได้อย่างไม่รู้ตัว

ลองนึกถึงยุคดิสโก้เฟื่องฟูในบ้านเรา สมัยที่ดิสโก้เธคไม่ใช่แค่ที่เที่ยวกลางคืน แต่คือเวทีปลดปล่อยพลังในตัวคนเมือง ที่มีทั้งแสงไฟหมุนวน เสียงเบสแน่น ๆ และแฟชั่นสุดพลัง ผู้คนในยุคนั้นกล้าแต่ง กล้าเต้น และกล้าที่จะเป็นตัวเองโดยไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์ ช่วงเวลานั้น ‘การเต้น’ ไม่ใช่กิจกรรมเพื่อแสดงออก แต่คือภาษาหนึ่งของความเป็นอิสระและความสนุกสนาน ที่เปล่งประกายออกมาโดยไม่ต้องพูดสักคำ

ถ้าย้อนกลับไปในยุคที่บ้านเรากำลังรับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาเต็มตัว ดิสโก้เธค และลานโรลเลอร์สเก็ต คือภาพจำของความสนุกแบบไม่มีกรอบ มันคือพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงตัวตนผ่านเสียงเพลงและแฟชั่นสุดพลัง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าสีสดสะดุดตา หรือรองเท้าสเก็ตที่หมุนวนไปตามจังหวะเพลง Bee Gees จังหวะของยุคนั้นไม่เร่งรีบ แต่มันเร่งเร้าให้หัวใจเต้นตามเสียงเบส และให้เรากล้าเต้นแม้จะไม่มีใครเต้นเหมือนกัน ช่วงเวลาเหล่านั้นล้วนเป็นเสน่ห์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

หากลองลองขยับสายตาไปมองอีกฟากของโลก เทศกาลในตำนานอย่าง Woodstock ในปี 1969 อาจเป็นภาพจำที่ชัดเจนที่สุดของคำว่า ‘เฟสติวัล’ ที่ไม่ใช่แค่ดนตรี แต่คือการรวมตัวของคนที่ต้องการมีชีวิตในแบบของตัวเองท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก แต่ผู้คนหลายแสนที่พร้อมจะร้อง เต้น ร่วมกันอย่างเท่าเทียมบนทุ่งหญ้าเดียวกัน มันคือ ‘ความม่วน’ ในระดับที่ลึกเกินจะอธิบายได้ด้วยคำธรรมดา

เชื่อว่านอกจากจะได้ดู​ จิมี เฮ็นดริกซ์ (Jimi Hendrix) หรือ คณะซานตานา (Santana) มาบรรเลงเวทย์มนตร์ผ่านเครื่องดนตรีบนเวทีแล้ว บรรยากาศของความเป็น Woodstock ในวันวานก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้คนมากมายปราถนาจะมีประสบการณ์แบบนั้นสักครั้ง (แม้จะมี Woodstock ปี 1999 แต่ก็อาจเป็นที่ไม่น่าจดจำในด้านที่ดีมากนัก)

เสน่ห์ของวันวานเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อเปรียบเทียบกับความสนุกในปัจจุบัน แต่มันทำหน้าที่เหมือนบทเพลงเก่า ๆ ที่พอได้ยินอีกครั้ง เราก็อยากลุกขึ้นโยกตาม โดยไม่ต้องอธิบายเหตุผลใด ๆ ให้ใครฟัง


หลอมรวม ‘ความม่วน’ กับ ‘จอยม่วนโจ๊ะ’

 

จอยม่วนโจ๊ะ : เมื่อความโจ๊ะของ ‘เฟสติวัล’ มาเจอกับความสนุกฉบับวันวาน

 

ทั้งหมดที่กล่าวมา—เสียงหัวเราะในหนังกลางแปลง แสงกระพริบของ Mirror Ball หรือพลังของฝูงชนใน Woodstock—อาจจะดูเป็นเรื่องไกลตัวในวันนี้ แต่ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในนั้นกลับไม่ได้เก่าลงตามเวลา ความรู้สึกของการ ‘ได้อยู่ร่วมกัน’ เพื่อจอย เพื่อม่วน เพื่อโจ๊ะ แบบไม่ต้องขออนุญาตใคร นั่นแหละคือหัวใจของงานที่ชื่อว่า ‘จอย ม่วน โจ๊ะ’ (Join Muan Joh!)

นี่ไม่ใช่แค่เฟสติวัลที่มีเวทีดนตรีและร้านขายของ แต่มันคือพื้นที่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้คนกลุ่มหลากหลาย ไม่ว่าจะสายแดนซ์ สายชิล สายช้อป หรือสายกิน ได้มาปลดปล่อยพลังในแบบของตัวเอง จะมาเดี่ยว มาเป็นคู่ หรือมาเป็นแก๊ง ก็ไม่มีใครแปลกหน้ากันที่นี่ เพราะทุกคนที่มา ‘จอย ม่วน โจ๊ะ’ คือคนที่เชื่อเหมือนกันว่า ความสุขมันอาจจะต้องเสียงดังสักหน่อย

ไลน์อัปศิลปิน ที่ยืนยันว่าความมันครั้งนี้มาเต็ม ทั้ง ลำไย ไหทองคำ, แอน อรดี, Badmixy, BOTCASH, Urboy TJ, Taitosmith และ แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก นับเป็นรายชื่อที่บอกได้เลยว่า พร้อมเสิร์ฟพลังงานทุกคลื่นความถี่ จะโยก จะยัก จะยืนเฉย ๆ ก็ไม่มีใครว่า ขอแค่ใจคุณพร้อมจะโจ๊ะ

แต่งานนี้ไม่ได้มีดีแค่เสียงดนตรี เพราะยังมีโซนอาหารที่ยกความหลากหลายมาให้เลือกฟินกันจุใจ พร้อมกิจกรรมสนุก ๆ ที่ชวนคุณปล่อยพลังความมันออกมาให้สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นสายแดนซ์ สายชิล หรือแค่อยากเดินเล่นดูผู้คน งานนี้ไม่มีใครตัดสินกัน เพราะบางคนอาจจะเต้น บางคนอาจจะเดิน บางคนอาจจะนั่งเฉย ๆ แล้วอมยิ้มกับบรรยากาศ ทั้งหมดนั้นคือการร่วมจอยด้วยกันในแบบที่เป็นตัวคุณเอง

‘จอย ม่วน โจ๊ะ’ จึงไม่ใช่แค่งานเฟสติวัล แต่ คือเพื่อนสายเอนเตอร์เทน ที่เข้าใจว่าทุกคนมีจังหวะของตัวเอง บางวันอยากชิล บางวันอยากโจ๊ะ บางวันแค่ได้ออกมาเจอแสงไฟก็รู้สึกมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง และถ้าคุณกำลังมองหาพื้นที่แบบนั้น เราว่านี่แหละ คืองานที่คุณไม่ควรพลาด
 

จอยม่วนโจ๊ะ : เมื่อความโจ๊ะของ ‘เฟสติวัล’ มาเจอกับความสนุกฉบับวันวาน

 

จัดเต็มความจอยแบบสุด 

TAITOSMITH • BADMIXY • URBOYTJ • แอน อรดี • ลำไย ไหทองคำ • JSPKK • BOTCASH
7 JUNE 2025
Wisdom Valley Pattaya
กดบัตรแล้วไปจอยกัน!!!!

ซื้อบัตรได้ที่ ticketmelon หรือคลิก >>
https://www.ticketmelon.com/joinmuanjoh/jmj25?aff1=thepeoplecoofficial
 

ติดตามรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ทาง Facebook : Joinmuanjoh