‘โรแวน แอตกินสัน’ จาก ‘เอเลี่ยนติดอ่าง’ เป็น ‘มิสเตอร์บีน’ สร้างเสียงหัวเราะให้คนทั่วโลก

‘โรแวน แอตกินสัน’ จาก ‘เอเลี่ยนติดอ่าง’ เป็น ‘มิสเตอร์บีน’ สร้างเสียงหัวเราะให้คนทั่วโลก

‘โรแวน แอตกินสัน’ นักแสดงที่เปลี่ยนจุดด้อยเป็นจุดเด่น เกิดเป็นตัวละครที่สร้างเสียงหัวเราะให้คนทั่วโลกอย่าง ‘มิสเตอร์บีน’

  • โรแวน แอตกินสัน เกิดคำถามว่า “ทำไมศิลปินนักร้องถึงมีแฟนคลับอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่ทำไมถึงไม่มีนักแสดงตลกที่ทำได้แบบนั้นบ้าง” หลังจากที่ขบคิดอยู่สักพัก เขาจึงได้ข้อสรุปว่า ภาษาพูดอาจจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้คนประเทศอื่นไม่เข้าใจมุขตลก “แต่ถ้าเป็นการแสดงที่ไม่ใช้ภาษาพูด คนน่าจะเข้าใจมากกว่า” 
  • โรแวนเปลี่ยนจุดด้อยของตัวเองให้เป็นจุดแข็ง ด้วยการนำเอาอาการติดอ่างของตัวเองในอดีตมาใส่เป็นคาแร็กเตอร์ของตัวละคร และการออกเสียงตัว B ไม่ชัด มาตั้งเป็นชื่อ เพื่อให้จดจำได้ง่าย ซึ่งทุกคนต่างเห็นชอบกับไอเดียนี้ นั่นจึงเป็นจุดกำเนิดของตัวละครที่มีชื่อว่า ‘มิสเตอร์บีน’ (Mr. Bean)
  • แม้ว่ามิสเตอร์บีนจะเป็นตัวละครที่โรแวนชื่นชอบมากที่สุด และสร้างชื่อเสียงให้กับเขา แต่ในแง่ชีวิตจริง เขากลับไม่ชอบนิสัยของมิสเตอร์บีนเอาเสียเลย เขามองว่ามิสเตอร์บีนเป็นคนเห็นแก่ตัว สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ทุกครั้งที่ต้องรับบทเป็นมิสเตอร์บีน เขาจะต้องคิดอย่างหนักว่าจะแสดงยังไงให้ออกมาดีที่สุด

ในบรรดาหนังหรือซีรีส์เรื่องดัง มักจะมีประโยคหรือคำคมเท่ ๆ ที่ได้ยินได้ฟังเมื่อไหร่ก็รู้ทันทีว่ามาจากเรื่องอะไร 

อย่างประโยคกินใจที่ว่า “Scar is the proof of a healed wound” (แผลเป็นคือหลักฐานที่พิสูจน์ว่าบาดแผลได้รับการเยียวยาแล้ว) จากหนัง ‘Slumdog Millionaire’ หรือจะเป็น “Life was like a box of chocolates, you never know what you’re gonna get” (ชีวิตก็เหมือนกล่องช็อกโกแลต คุณไม่มีทางรู้ว่าคุณจะได้รสอะไร) จาก ‘Forrest Gump’ 

ในฝั่งซีรีส์ที่มีประโยคคลาสสิกหลายประโยค เห็นจะเป็น ‘F.R.I.E.N.D.S.’ ไม่ว่าจะเป็น “How you doin?” ที่ ‘โจอี้’ ใช้ตอนเข้าไปจีบสาว และประโยคอุทาน “Oh My Gawd” แบบเสียงขึ้นจมูกของ ‘เจนิซ’ (แฟนเก่า ‘แชนด์เลอร์’) รวมถึงอีกหลายต่อหลายประโยค 

แต่สำหรับซีรีส์ตลก ‘มิสเตอร์บีน’ (Mr. Bean) การจะนึกว่ามีประโยคอะไรที่จำจากซีรีส์เรื่องนี้ได้บ้าง อาจเป็นเรื่องยาก เพราะสิ่งที่ทำให้ผู้ชมจดจำซีรีส์ตลกเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีคือ ‘คาแรกเตอร์’ ของตัวละครชายตาโต ชอบทำหน้าทะเล้นเล่นหูเล่นตาในระหว่างก่อวีรกรรมสุดป่วน จนบ่อยครั้งจากเรื่องเล็ก ๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้โดยไม่จำเป็นต้องปริปากพูดสักคำ 

ตัวละครที่แสดงพฤติกรรมราวกับเป็นเด็กในร่างผู้ใหญ่นี้ รับบทโดย ‘โรแวน แอตกินสัน’ (Rowan Atkinson) ที่กว่าจะกลายเป็นนักแสดงตลกระดับไอคอนของวงการภาพยนตร์ดังเช่นทุกวันนี้ ชีวิตวัยเด็กของเขานั้น “ไม่ตลกเอาเสียเลย” และตัวตนจริง ๆ ของเขาก็แตกต่างจากตัวละครนี้สิ้นเชิง 

จากเด็กชายที่ถูกเพื่อนล้อว่า ‘เอเลี่ยนติดอ่าง’

ในสายตาเพื่อน ๆ ใบหน้าของโรแวนดูแปลกประหลาดไม่เหมือนใคร ซึ่งทำให้เขากลายเป็นเด็กขี้อาย ขาดความมั่นใจ และพูดติดอ่าง โดยเฉพาะตัว B ที่ออกเสียงเท่าไหร่ก็ไม่ชัดสักที การไปเรียนหนังสือในแต่ละวันจึงเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะเขามักจะถูกเพื่อน ๆ กลั่นแกล้งอยู่เสมอ และมักจะถูกเพื่อนล้อเลียนว่าเป็น ‘เจ้าเอเลี่ยนติดอ่าง’ 

แต่ถึงกระนั้น เขาก็เป็นเด็กที่ฉลาดหลักแหลม และมักทำคะแนนได้ดีในวิชาวิทยาศาสตร์ แถมยังชื่นชอบการแสดงจนได้รับโอกาสให้แสดงละครเวที ซึ่งเขาทำออกมาได้ดีถึงขนาดลืมอาการติดอ่างของตัวเองไปชั่วขณะ 

หลังเรียนจบชั้นมัธยม เขาเข้าเรียนระดับปริญญาตรีที่คณะวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ก่อนจะต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด 

ที่ออกซ์ฟอร์ดนี้เอง ทำให้เขามีโอกาสเข้าชมรมการแสดง และได้พบกับเพื่อนใหม่ที่ชื่อว่า ‘ริชาร์ด เคอร์ติส’ (Richard Curtis) และ ‘ฮาวเวิร์ด กูดดอลล์’ (Howard Goodall) ที่คอยช่วยเหลือเขาเรื่องการเขียนบทและแสดงละครเวทีในเวลาต่อมา 

วันหนึ่ง โรแวนได้รับโจทย์ให้ขึ้นแสดงเป็นเวลา 5 นาที เขามีเวลาเตรียมตัวแค่ 2 วันก่อนจะถึงวันแสดง โรแวนซึ่งยังไม่มีประสบการณ์ในการเขียนบทหนังหรือบทละคร กลับไปที่บ้านและยืนอยู่หน้ากระจก เขาครุ่นคิดอยู่นานว่าจะแสดงอะไรดี กระทั่งได้ลองทำหน้าทำหน้าและท่าทางแปลกประหลาดออกมา แล้วคิดว่ามันเข้าท่า จึงนำไปเป็นไอเดียสำหรับการแสดงอันใกล้มาถึงนี้

เมื่อถึงวันแสดง โรแวนแสดงละครใบ้ตลกโดยไม่อาศัยบทพูดสักคำ กลายเป็นว่าการได้แสดงสีหน้าและท่าทางได้ดึงศักยภาพและพรสวรรค์ด้านการแสดงออกมาจากตัวเขาอย่างเต็มที่ เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมในโรงละครจนท้องคัดท้องแข็ง 

ต่อมา ทั้งโรแวน ริชาร์ด และฮาวเวิร์ด จึงได้ร่วมกันเขียนบทและแสดงละครตามที่ต่าง ๆ จนเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ด้วยความสามารถอันน่าเหลือเชื่อทำให้ในปี 1976 พวกเขาได้เข้าร่วมการแสดงใน ‘Edinburgh Festival Fringe’ เทศกาลศิลปะการแสดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

หลังเรียนจบปริญญาโท โรแวนก็เริ่มได้โลดแล่นทางหน้าจอ เขาได้แสดงร่วมกับนักแสดงชื่อดังอย่าง ‘แองกัส ดีตัน’ (Angus Deayton) และในปี 1979 ก็ได้ทำรายการทีวีเป็นครั้งแรกในชื่อ ‘Canned Laughter’ เป็นรายการตลกสั้นที่ฉายทางสถานี ITV ของอังกฤษ โดยทำหน้าที่เขียนบทและแสดงในบทบาทของ ‘โรเบิร์ต บ็อกซ์’ (Robert Box) จากนั้นก็ได้แสดงใน ‘The Atkinson People’ รายการวิทยุแนวตลกของสถานี ‘BBC Radio 3’

พรสวรรค์ด้านการแสดงของโรแวน เกิดไปเข้าตาโปรดิวเซอร์ของ BBC อย่าง ‘จอห์น ลอยด์’ (John Lloyd) โรแวนจึงถูกชักชวนให้ไปร่วมในรายการตลกทางโทรทัศน์ ‘Not the Nine O’Clock News’ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง ทั้งยังทำให้เขาได้รับโอกาสในการแสดงมากขึ้นด้วย เช่น การได้รับบทเป็น ‘เอ็ดมันด์ แบล็คแอดเดอร์’ (Edmund Blackadder) จากเรื่อง ‘Blackadder’ และได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง ‘Never Say Never Again’ 

โรแวนอาจจะยังเป็นนักแสดงไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดสร้างตัวละครที่กลายเป็นที่จดจำของทั้งโลก กระทั่งวันหนึ่งเขาเดินทางไปที่เวนิส และเข้าไปในร้านขายของฝาก ได้เห็นแผ่นเสียงของศิลปินดังมากมาย 

ตอนนั้นเขาเกิดคำถามขึ้นมาในหัวว่า “ทำไมศิลปินนักร้องถึงมีแฟนคลับอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่ทำไมถึงไม่มีนักแสดงตลกที่ทำได้แบบนั้นบ้าง” หลังจากที่ขบคิดอยู่สักพัก เขาจึงได้ข้อสรุปว่า ภาษาพูดอาจจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้คนประเทศอื่นไม่เข้าใจมุขตลก “แต่ถ้าเป็นการแสดงที่ไม่ใช้ภาษาพูด คนน่าจะเข้าใจมากกว่า” 

ไอเดียนี้จึงเป็นตัวจุดประกายให้โรแวนสร้างตัวละครตัวหนึ่งขึ้นมา ตัวละครนั้นมีชื่อว่า มิสเตอร์บีน 

กำเนิดตัวละคร ‘มิสเตอร์บีน’ 

เมื่อโรแวนตกตะกอนความคิดเป็นที่เรียบร้อย เขาจึงนำไอเดียนี้ไปคุยกับเพื่อน ก่อนจะช่วยกันวางคอนเซ็ปต์ของตัวละครให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีนิสัยเหมือนเด็ก ซุ่มซ่าม ชอบสร้างปัญหา และหาทางออกด้วยวิธีแปลก ๆ โดยมีเนื้อเรื่องที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ฉากหลังในแต่ละตอนจะเป็นสถานที่ธรรมดาทั่วไป เช่น  ร้านตัดผม, ร้านซักผ้า, โรงพยาบาล 

ที่สำคัญต้องไม่มีบทพูด เน้นการแสดงท่าทาง เพื่อให้คนทั่วโลกเข้าใจได้ง่าย

ตัวละครตัวนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากนักแสดงตลกชื่อดังในอดีตอย่าง ‘ฌากส์ ตาติ’ (Jacques Tati) และ ‘ชาร์ลี แชปลิน’ (Charlie Chaplin) เดิมทีโรแวนตั้งชื่อตัวละครตัวนี้ไว้หลายชื่อ ทั้ง Mr. White, Mr. Cauliflower ฯลฯ แต่ก็ยังไม่ลงตัว

สุดท้าย โรแวนจึงเปลี่ยนจุดด้อยของตัวเองให้เป็นจุดแข็ง ด้วยการนำเอาอาการติดอ่างของตัวเองในอดีตมาใส่เป็นคาแร็กเตอร์ของตัวละคร และการออกเสียงตัว B ไม่ชัด มาตั้งเป็นชื่อ เพื่อให้จดจำได้ง่าย ซึ่งทุกคนต่างเห็นชอบกับไอเดียนี้ นั่นจึงเป็นจุดกำเนิดของตัวละครที่มีชื่อว่า ‘มิสเตอร์บีน’ (Mr. Bean)

มิสเตอร์บีน ออกอากาศตอนแรกทางช่อง ITV เมื่อวันที่ 1 มกราคม 1990 ด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มหน้าตาทะเล้นที่อาศัยอยู่ ณ กรุงลอนดอน กับตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลเพื่อนรักนามว่า ‘เท็ดดี้’ (Teddy) และรถมินิสีเหลืองคู่ใจ ส่วนเนื้อเรื่องจะเริ่มต้นด้วยการใช้ชีวิตธรรมดาในแต่ละวัน ก่อนจะหักมุมกลายเป็นวันที่แสนวุ่นวายด้วยวีรกรรมสุดป่วนของมิสเตอร์บีนที่คนทั่วไปคาดไม่ถึง 

คาแรกเตอร์ตัวละคร และพล็อตเรื่องที่ว่ามา ได้สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้คนดูได้เป็นอย่างดี โดยที่ตัวละครมิสเตอร์บีนแทบจะไม่ต้องพูดอะไร 

มิสเตอร์บีนมีทั้งหมด 15 ตอน ออกอากาศในปี 1990 - 1995 ด้วยทุนสร้าง 18 ล้านเหรียญ กวาดรายได้ทั้งหมดมากกว่า 250 ล้านเหรียญทั่วโลก จากมุขตลกที่เป็นสากล ทุกคนสามารถเข้าใจได้ง่าย จนถูกนำไปออกอากาศถึง 190 ประเทศทั่วโลก กวาดรางวัลมากมายทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการนำมาทำเป็นฉบับภาพยนตร์ถึง 2 ภาค ได้แก่ Bean (1997) และ Mr. Bean’s Holiday (2007) รวมถึงซีรี่ส์ฉบับการ์ตูน Mr. Bean : The Animated Series (2002) ที่โรแวนให้เสียงพากย์ด้วยตัวเอง

แม้มิสเตอร์บีนจะออกอากาศครั้งแรกในปี 1990 แต่แท้จริงแล้ว ตัวละครตัวนี้ถูกสร้างขึ้นก่อนหน้านั้นแล้ว โดยโรแวนได้นำตัวละครนี้ไปทดลองแสดงในงานเทศกาล ‘Just for Laughs’ เมื่อปี 1987 ต่อหน้าผู้ชมชาวแคนาดา ซึ่งปรากฏว่าผู้ชมพากันหัวเราะและชื่นชอบตัวละครนี้อย่างมาก เพิ่มความมั่นใจให้โรแวนนำตัวละครนี้ไปต่อยอดเป็นซีรีส์ 

‘มิสเตอร์บีน’ ตัวละครที่ตรงข้ามกับ ‘โรแวน แอตกินสัน’

โรแวนเคยบอกเล่ากับสื่อว่า มิสเตอร์บีนเป็นตัวละครที่เขาชื่นชอบมากที่สุด เพราะมันเป็นตัวละครที่ทำให้เขาได้ปลดปล่อย และหลีกหนีจากตัวตนจริง ๆของเขา เพราะบุคลิกของมิสเตอร์บีนเป็นเหมือนเด็กวัย 9 ขวบในร่างของผู้ใหญ่ ชอบทำอะไรเปิ่น ๆ ยียวนกวนประสาท แต่ในทางกลับกัน ตัวตนของเขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะจริงจัง และใส่ใจในทุกรายละเอียด

แม้ว่ามิสเตอร์บีนจะเป็นตัวละครที่โรแวนชื่นชอบมากที่สุด และสร้างชื่อเสียงให้กับเขา แต่ในแง่ชีวิตจริง เขากลับไม่ชอบนิสัยของมิสเตอร์บีนเอาเสียเลย เขามองว่ามิสเตอร์บีนเป็นคนเห็นแก่ตัว สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ทุกครั้งที่ต้องรับบทเป็นมิสเตอร์บีน เขาจะต้องคิดอย่างหนักว่าจะแสดงยังไงให้ออกมาดีที่สุด

ปี 2012 โรแวน ปรากฏตัวในงานแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ภายใต้บทบาทของมิสเตอร์บีน โดยทำหน้าที่เป็นสมาชิกในวงออร์เคสตร้า ตำแหน่งคีย์บอร์ด ที่ต้องนั่งเล่นเพียงแค่ตัวโน๊ตตัวเดียวด้วยความเบื่อหน่าย ในเพลง ‘Chariots of Fire’ เขาแสดงท่าทีกวนประสาทตามแบบฉบับของมิสเตอร์บีน ทั้งล้อเลียนนักดนตรีคนอื่นในวง ถ่ายรูปเซลฟีตัวเอง อีกทั้งยังเผลอหลับทั้ง ๆ ที่ยังเล่นคีย์บอร์ดอยู่ เป็นการโชว์เพียงแค่ 5 นาที แต่สามารถสร้างเสียงหัวเราะและเรียกเสียงเฮจากเหล่าผู้ชมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ นับเป็นอีกหนึ่งโชว์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของโรแวน แอตกินสัน

แต่ในปี 2018 โรแวน ได้เปิดเผยถึงสาเหตุว่า ทำไมช่วงหลังเขาจึงไม่ค่อยรับบทบาทเป็นมิสเตอร์บีน โดยกล่าวว่ามาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ถ้าหากรับบทเป็นมิสเตอร์บีน ภาพลักษณ์ของหนังก็จะแปลกไป ดูเหมือนกับเด็กที่อยู่ในร่างของคนแก่มากกว่า และถ้าหากคนแก่ทำอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล มันจะยิ่งดูน่าสงสารมากกว่าน่าตลก 

นับเป็นตรรกะที่ยิ่งตอกย้ำว่า ตัวจริงของ ‘โรแวน แอตกินสัน’ นั้น แหลมคมและแตกต่างจาก ‘มิสเตอร์บีน’ ราวฟ้ากับเหว แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการสร้างหนึ่งในตัวละครที่คนจดจำได้มากที่สุดของเขา 

 

เรื่อง : กรัณย์กร วุฒิชัยวงศ์ (The People Junior)

ภาพ : Getty Images

อ้างอิง

The History of Rowan Atkinson| Mr Bean

Who Knew? Mr. Bean?

Why did Rowan Atkinson want to quit as Mr Bean?

Mr. Bean eaton centre Toronto

Mr. Bean - 14 Facts About Rowan Atkinson's Classic Comedy Character

How did Rowan Atkinson create Mr. Bean

From Mr Bean to Blackadder, Rowan Atkinson breaks down his most iconic characters

Does Rowan Atkinson Want Mr Bean To Come Back? | The Graham Norton Show

Rowan Atkinson on where the inspiration for Mr. Bean came from #shorts