ผู้กำกับ The Glory ‘อันกิลโฮ’ ถูกแฉเป็นจอมบูลลี่ อีกหนึ่งคนดังที่ถูกแก้แค้นในวันที่รุ่ง

ผู้กำกับ The Glory ‘อันกิลโฮ’ ถูกแฉเป็นจอมบูลลี่ อีกหนึ่งคนดังที่ถูกแก้แค้นในวันที่รุ่ง

‘อันกิลโฮ’ ผู้กำกับซีรีส์ The Glory ถูกแฉว่ามีพฤติกรรมบูลลี่ในสมัยเรียน ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ซีรีส์จะฉายทางเน็ตฟลิกซ์ กลายเป็นอีกหนึ่งคนดังที่ถูกแก้แค้นในวันที่มีชื่อเสียง

  • เหยื่อที่ออกมาแฉพฤติกรรมบูลลี่ของอันกิลโฮมองว่า มันดูไม่สมเหตุสมผลที่ผู้กำกับ The Glory ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับความรุนแรงในโรงเรียน กลับเป็นคนที่รังแกคนอื่นในโรงเรียนเสียเอง
  • ‘อันกิลโฮ’ ออกมาปฏิเสธในตอนแรก แต่เมื่ออดีตแฟนสาวของเขาออกมายืนยันข้อกล่าวหา เขาจึงกลับลำยอมรับว่าเป็นความจริงและขอโทษเหยื่อ
  • ในเกาหลีใต้ ข้อกล่าวหาเรื่องการบูลลี่นั้นส่งผลต่อหน้าที่การงานค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นคนดัง แต่บางคนมองว่าการตัดโอกาสทางอาชีพเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไป

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ ‘The Glory’ พาร์ท 2 จะฉายทางเน็ตฟลิกซ์ โลกออนไลน์เกาหลีใต้ก็ตกอยู่ในความอลหม่าน เมื่อมีบุคลนิรนามออกมาแฉว่าผู้กำกับ The Glory ‘อันกิลโฮ’ เป็นจอมบูลลี่ (Bully) ตั้งแต่สมัยเรียน 

เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2023 ผู้ใช้นามสมมติว่า ‘เอ’ ได้โพสต์เรื่องราวผ่านชุมชนชาวเกาหลีที่อาศัยในสหรัฐฯ เล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1996 ซึ่งเป็นช่วงที่อันกิลโฮอายุประมาณ 17-18 ปี กำลังเรียนชั้นมัธยมปลายที่ฟิลิปปินส์ ส่วนเออายุประมาณ 13-14 ปี เรียนชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนเดียวกับ ‘บี’ ซึ่งเป็นแฟนสาวของอันกิลโฮ 

เอกับเพื่อนร่วมชั้นพากันล้อเลียนบี หลังจากรู้ว่าเธอคบกับอันกิลโฮ บีจึงนำเรื่องที่ถูกล้อไปเล่าให้อันกิลโฮฟัง แล้วต่อมารุ่นพี่ในโรงเรียนของเอก็มาบอกให้เอและเพื่อนไปเจออันกิลโฮ แต่พวกเขาก็ปฏิเสธไปหลายครั้ง จนรุ่นพี่พูดว่า “ถ้าฉันไม่พาพวกแกไป ฉันต้องตาย” คุณเอกับเพื่อนอีกคนจึงยอมไปพบอันกิลโฮบริเวณนอกโรงเรียน บนพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อไปถึงแล้วพวกเขาพบว่าไม่ได้มีแค่อันกิลโฮเพียงคนเดียว

 

“ตอนนั้นผมกลัวมาก ผมไม่รู้ว่าพวกเขามีกันกี่คน แต่คิดว่าน่าจะประมาณ 10 คน ในนั้นมีอันกิลโฮอยู่ด้วย หลังจากนั้นพวกเราก็ถูกรุมตี แล้วถามว่าใครเป็นคนล้อเลียนบี พอไม่มีใครตอบ ถึงจุดหนึ่งอันกิลโฮก็หัวเราะใส่พวกเรา แล้วบอกพรรคพวกว่า ไปเอามีดมา กูจะแทงพวกมัน” 

เออ้างด้วยว่า เขากับเพื่อนถูกรุมทำร้ายร่างกายนานเกือบ 2 ชั่วโมง 

เรื่องไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะอันกิลโฮยังสั่งให้รุ่นพี่ในโรงเรียนเอ ทุบตีเพื่อนร่วมชั้นเอเป็นประจำ 

เอยืนยันว่าเรื่องที่เล่าเป็นเรื่องจริง โดยบอกว่า “หากอันกิลโฮปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ เพื่อนคนอื่น ๆ ที่ถูกเรียกไปอัดบอกว่าจะมาเป็นพยานให้ผม หากเขาปฏิเสธและต้องการดำเนินการทางกฎหมาย ผมก็จะตอบโต้แน่นอน สิ่งที่พวกเราต้องการคือความยุติธรรม ถ้าไม่มีใครทำเรื่องนี้ ผมคิดว่ามันน่าละอาย” 

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมเอถึงเลือกแฉอันกิลโฮในเวลานี้ ซึ่งเอก็มีคำอธิบาย เขาระบุว่าไม่รู้มาก่อนว่าอันกิลโฮทำงานเป็นผู้กำกับ เพราะไม่ค่อยได้ดูซีรีส์เกาหลี แต่เพิ่งมารู้ในกรุ๊ปแชทเพื่อนสมัยเรียน หลังจาก The Glory โด่งดังไปทั่วโลก 

“ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่ได้คิดจะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เพราะอันกิลโฮกำลังมีชีวิตที่ดี แต่เหตุที่ผมต้องเปิดเผยเรื่องนี้ เพราะมันดูไม่สมเหตุสมผลและให้อภัยไม่ได้เลยที่ผู้กำกับ The Glory ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับความรุนแรงในโรงเรียน กลับเป็นคนที่รังแกคนอื่นในโรงเรียนเสียเอง”

 

หลังเรื่องฉาวแพร่สะพัดไปทั่วโลกออนไลน์ ในวันเสาร์อันกิลโฮก็ออกมาสยบข่าวด้วยการปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ทำร้ายใคร ขณะที่บริษัทผู้ผลิตซีรีส์ The Glory ระบุว่าจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง

อันกิลโฮให้สัมภาษณ์สำนักข่าวยอนฮับว่า “มันไม่เคยเกิดขึ้น แม้จะกลับไปคิดถึงเรื่องนี้มากขนาดไหน ผมก็จำไม่ได้ว่าตัวเองได้ไปทำร้ายใครในกลุ่มนั้น” 

แต่การออกมาปฏิเสธของอันกิลโฮดูเหมือนจะยิ่งเป็นการราดน้ำมันลงกองไฟ 

ในเวลาไล่เลี่ยกันพยานคนหนึ่งที่อ้างว่าเรียนโรงเรียนเดียวกับเอ ให้สัมภาษณ์กับยอนฮับว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่อันกิลโฮจะจำเรื่องนี้ไม่ได้ หรือไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

“มีคนได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังเกิดเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงทั่วโรงเรียนในเวลานั้น ฉันไม่คิดว่าอันโกฮิลจะจำไม่ได้”

แม้แต่บีซึ่งเป็นอดีตแฟนสาวของอันโกฮิล ยังออกมาช่วยยืนยันว่าทุกข้อกล่าวหานั้นเป็นเรื่องจริง 

“ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ทุกคนคิด เพื่อนของฉันไม่ได้ล้อเลียนรุนแรง มันเป็นการเย้าแหย่ทั่วไปและทะเลาะกันในหมู่เพื่อน ถ้าฉันรู้ว่าเพื่อนของฉันจะถูกเล่นงานขนาดนั้น ฉันจะไม่เล่าให้เขาฟังเลย ในตอนนั้นเพื่อนของฉันแค่ล้อชื่อของอันกิลโฮ แต่บางคนคิดว่าเพื่อนของฉันกำลังล้อเลียนอันกิลโฮเรื่องเพศ ซึ่งมันไม่จริงเลย พวกเราไม่ได้โตพอขนาดจะพูดทะลึ่งกัน เพียงแต่ชื่อของเขามันไปคล้องกับมีมขายาว-ขาสั้น ที่กำลังเป็นกระแสในตอนนั้น”

เธออธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า “ทุกคนเป็นเพื่อนสนิทของฉัน หลังเกิดเรื่อง พวกเราก็ยังสนิทกัน ยังล้อเลียนชื่อกันและกัน การทำร้ายร่างกายจึงไม่ใช่เรื่องสมเหตุสมผลแต่อย่างใด และฉันอยากถามเขากลับด้วยว่า มันสมควรแล้วหรือที่รุ่นพี่มัธยมปลายจะทำร้ายร่างกายนักเรียนมัธยมต้นสองคนในที่เปลี่ยว”

“ฉันแค่หวังว่าอันกิลโฮจะขอโทษในสิ่งที่เขาได้ทำ และได้ทบทวนพฤติกรรมของตัวเองในอดีต แม้ว่ามันจะสายไปแล้วก็ตาม น่าเสียดายที่คำพูดและท่าทีของเขาในตอนนี้ ไม่ต่างอะไรจากพวกอันธพาลในซีรีส์ของเขาเอง”

เมื่ออดีตแฟนสาวออกมาพูดขนาดนี้ จึงเป็นเรื่องยากที่อันกิลโฮจะแก้ตัว ในวันอาทิตย์เข้าจึงกลับลำด้วยการยอมรับทุกข้อกล่าวหา 

ทนายความของอันกิลโฮได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า “ก่อนหน้านี้อันกิลโฮปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการบูลลี่ หลังจากหลายสำนักข่าวรายงานเรื่องราวจากโพสต์ออนไลน์ที่ระบุว่าเขาทำร้ายร่างกายนักเรียนที่อายุน้อยกว่า ซึ่งเรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติ”

“อันกิลโฮขอโทษทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของเขา” แถลงการณ์จากบริษัทกฎหมาย Jipyong ระบุ พร้อมให้ข้อมูลด้วยว่า “อันกิลโฮคบกับแฟนสาวระหว่างที่เรียนในฟิลลิปปินส์ เมื่อปี 1996 เมื่อเขาได้ยินว่าแฟนสาวถูกล้อเลียนเพราะตัวเขา เขาจึงทำในสิ่งที่ผิดและทำร้ายผู้อื่น เขาอยากจะขอโทษทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว จากหัวใจของเขา และอยากขอโทษด้วยตัวเอง หรือไม่ก็ผ่านทางโทรศัพท์ หากได้รับการยินยอมจากเหยื่อ”

หลังมีการเผยแพร่แถลงการณ์ของอันกิลโฮ ชาวเน็ตที่ต่างพากันแสดงความเห็นหลากหลาย เช่น

“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ได้โดยลืมสิ่งที่เคยทำ”
“ในฐานะคนที่เคยเป็นเหยื่อ ฉันเคยซาบซึ้งกับซีรีส์ The Glory แต่ตอนนี้ผิดหวังมาก”
“ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร”
“ฉันทนดูซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้อีกต่อไป” 

อย่างไรก็ตาม เมื่อนักข่าวสอบถามเข้าไปทางเน็ตฟลิกซ์ ว่าจะยังคงชื่อของอันกิลโฮไว้ในเครดิตซีรีส์ The Glory หรือไม่ ทางเน็ตฟลิกซ์ตอบว่า “ไม่มีอะไรต้องหารือเกี่ยวกับการถอดชื่อผู้กำกับอันกิลโฮออกจากเครดิตของ The Glory” 

หากตัดเรื่องพฤติกรรมบูลลี่ในวัยเด็ก อันกิลโฮนับเป็นคนวงการบันเทิงที่มีฝีมือดี

เขาเกิดเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 1976 ในเกาหลีใต้ เริ่มทำงานเบื้องหลังซีรีส์และภาพยนตร์ตั้งแต่ปี 2012 ผลงานแรกคือเรื่อง Rooftop Prince จากนั้นก็ตามมาอีกหลายเรื่อง เช่น Only Love (2014), Her Lovely Heels (2014), Mrs.Cop (2015), My Son-In-Law’s Woman (2016), Stranger (2017), Memories of the Alhambra (2018), Watcher (2019), Record of Youth (2020), Happiness (2021) และที่กำลังดังสุด ๆ ในตอนนี้คือ The Glory 

ผลงานภาพยนตร์ 2 เรื่อง ได้แก่ Alhambeura Goongjeonui Chooeok และ Bimilui Soop ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม บนเวที Baeksang Sang Art Awards

คนดังเกาหลีไม่อยากตกเป็นจำเลยข้อหาบูลลี่ 

ในเกาหลีใต้ ข้อกล่าวหาเรื่องการบูลลี่นั้นส่งผลต่อหน้าที่การงานค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นคนดัง 

'อันอูจิน' อายุ 23 ปี หนึ่งในผู้เล่นตำแหน่งพิชเชอร์ตัวท็อปของเกาหลีใต้ ซึ่งเมื่อปี 2022 เขาไม่ได้รับเชิญให้เล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติ และไม่ได้รับการพิจารณาให้รับรางวัลผู้เล่นตำแหน่งพิชเชอร์ที่ดีที่สุดของสมาพันธ์เบสบอลเกาหลี (เคบีโอ) หลังจากเขาถูกกล่าวหาจากบุคคลนิรนามว่า ทำร้ายเพื่อนร่วมทีมในช่วงที่เรียนมัธยม 

จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาใดกับอันอูจิน เขายังพูดถึงเรื่องนี้ว่า รายงานข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมบูลลี่ของเขา ซึ่งระบุว่าเขาได้ออกมาขอโทษแล้วในเวลานั้น เป็นการรายงานเกินจริง อย่างไรก็ตาม ชาวเกาหลีใต้จำนวนมาก ซึ่งบางส่วนเป็นแฟนเบสบอล ต่างเห็นด้วยกับการตัดชื่อเขาออกจากการแข่งขัน

ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการบูลลี่และการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในวัฒนธรรมเกาหลีใต้

ไม่นานมานี้ ประธานาธิบดี 'ยุนซอกยอล' ได้ยกเลิกการแต่งตั้ง 'จองซุนชิน' เป็นหัวหน้าสำนักงานสอบสวนแห่งชาติ เนื่องจากมีข่าวว่าลูกชายของจองซุนชินใช้คำพูดคุกคามเพื่อนร่วมชั้นเรียนมัธยมเมื่อปี 2017 และจองซุนชินได้ปกป้องลูกชายของตัวเองแทนที่จะรับผิดชอบต่อเหยื่อ

'จีฮุนคิม' นักอาชญาวิทยาจากมหาวิทยาลัยแอละแบมา ผู้ศึกษาเกี่ยวกับการบูลลี่ในเกาหลีใต้ กล่าวว่า ชาวเกาหลีใต้จำนวนมากเชื่อว่าการบูลลี่ทำลายชีวิตของเหยื่อชนิดที่ไม่สามารถเอาคืนกลับมาได้ 

"แนวคิดเรื่องการทำลายอาชีพของคนบูลลี่จึงไม่ถูกมองว่าเป็นปัญหา เพราะชาวเกาหลีใต้มองว่าพวกเขาสมควรได้รับมัน"

การลงโทษคนบูลลี่ยังคงได้รับความนิยม แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของข้อกล่าวหาก็ตาม เนื่องจากในหลายกรณีผู้ที่อ้างว่าเป็นเหยื่อล้วนไม่เปิดเผยชื่อ จึงมีการตั้งคำถามว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นในแง่ชื่อเสียงนั้นเป็นเรื่องที่สมควรกับความผิดหรือไม่?

การมุ่งแก้ปัญหาบูลลี่ในโรงเรียนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในปี 1990 หลังจากเหยื่อที่เป็นวัยรุ่นหลายคนตัดสินใจฆ่าตัวตาย โดยหลังจากนั้นเกาหลีใต้ได้มีการคลอดกฎหมายป้องกันการบูลลี่เมื่อปี 2004 

อย่างไรก็ตาม 'จุนซองฮอง' อาจารย์ด้านสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยเวย์นสเตท มองว่า เกาหลีใต้ยังคงขาดบริการด้านสุขภาพจิตที่เพียงพอสำหรับคนบูลลี่และเหยื่อ

'โนยุนโฮ' ทนายความในกรุงโซลผู้ให้คำแนะนำแก่เหยื่อบูลลี่ กล่าวว่า บทลงโทษสำหรับการบูลลี่ในเกาหลีใต้มีแนวโน้มที่จะรุนแรงน้อยกว่าในสหรัฐฯ ซึ่งการล่วงละเมิดในโรงเรียนมักเป็นเหตุให้ถูกพักการเรียนหรือไล่ออก ในขณะที่โรงเรียนในเกาหลีใต้หลายแห่งเพิ่งกำหนดให้มีการบริการชุมชนหรือใช้คำสั่งห้าม

โนยุนโฮกล่าวด้วยว่า มีเหยื่อและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่รายงานเรื่องการบูลลี่ในโรงเรียนเพิ่มขึ้น ขณะที่กลไกในการรายงานเหตุการณ์ก็ได้รับการพัฒนา จากการสำรวจของรัฐบาลพบว่า มีคนที่ให้ข้อมูลว่าเคยถูกบูลลี่เพิ่ม 91% เมื่อปี 2022 จากที่เคยเพิ่ม 78% เมื่อปี 2014 บางคนยังระบุว่าผู้ที่บูลลี่พวกเขาเป็นบุคคลสาธารณะ เช่น นักกีฬา และคนในวงการบันเทิง

พฤติกรรมบูลลี่ของคนดังที่ถูกขุดมาแฉ หนึ่งในกรณีที่โด่งดังเกิดขึ้นเมื่อปี 2021 นักกีฬาวอลเลย์บอลอาชีพฝาแฝด ได้แก่ 'อีแจยอง' และ 'อีดายอง' ซึ่งขณะนั้นอายุ 24 ปี ถูกตัดชื่อออกจากสโมสร หลังพวกเธอยอมรับว่าเคยใช้คำพูดข่มเหงเพื่อนร่วมทีมในสมัยมัธยมต้น 

ต่อมาจึงมีเหยื่อจำนวนมากที่ออกมากล่าวหาว่าถูกนักกีฬาดังบูลลี่ ถึงขั้นที่ประธานาธิบดี 'มุนแจอิน' ออกมาเรียกร้องให้กระทรวงวัฒนธรรม "ใช้ความพยายามเป็นพิเศษเพื่อขจัดปัญหานี้"

เมื่อปีที่แล้ว “ไฮบ์” (HYBE) เอเจนซี่ที่อยู่เบื้องหลังวง BTS ได้สั่งพักงาน 'คิมการัม' สมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ 'Le Sserafim' หลังมีบุคคลปริศนากล่าวหาว่าเธอบูลลี่พวกเขา

ในตอนแรกทางไฮบ์ขู่ว่าจะฟ้องบุคคลนิรนามในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ภายหลังไฮบ์ก็ยุติสัญญากับคิมการัม หลังสำนักงานกฎหมายที่เป็นตัวแทนของผู้กล่าวหาคนหนึ่งขู่ว่าจะเปิดเผยหลักฐานต่อสาธารณะ

แต่กรณีของนักแสดงตลกสาว 'ฮงฮยอนฮี' นั้น แตกต่างออกไป เมื่อ 2 ปีก่อนเธอถูกกล่าวหาว่าเคยบูลลี่เพื่อนในโรงเรียน แต่อดีตเพื่อนร่วมชั้นของเธอก็ออกมาช่วยปฏิเสธ ภายหลังเธอยื่นฟ้องหมิ่นประมาท และคนที่ออกมาแฉก็ลบโพสต์ในออนไลน์พร้อมกล่าวขอโทษที่ "ความจำเสื่อม"

บางคนมองว่าการตัดโอกาสทางอาชีพเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไป เช่นกรณีของ อันอูจิน ซึ่งถูกแฉว่าเมื่อปี 2017 เขาทำร้ายร่างกายเพื่อนนักกีฬาที่อายุน้อยกว่าในโรงเรียนมัธยม

ตำรวจระบุว่า อันอูจิน ซึ่งขณะนั้นอายุ 17 ปี ใช้ไม้เบสบอล โทรศัพท์มือถือ และหัวเข็มขัด ฟาดเข้าไปที่ศีรษะของนักเรียนที่อายุน้อยกว่า 3 คน ส่วนคนที่ 4 ถูกไม้ตีเข้าไปที่หน้าแข้ง แต่หลังจากนั้นนักเรียนรุ่นน้องตัดสินใจไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าพฤติกรรมของอันอูจินไม่ได้ร้ายแรง อัยการจึงถอนฟ้อง

อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาที่มีต่อพิชเชอร์ที่ขว้างบอลได้เร็ว 99 ไมล์ต่อชั่วโมง ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในระดับอาชีพ เพราะในปีเดียวกัน 'คีวูม ฮีโร่ส์' (Kiwoom Heroes) ได้เซ็นสัญญากับเขาด้วยค่าตัว 600 ล้านวอน

ตอนนี้ยังไม่มีข้อกล่าวหาเขาเพิ่มเติม แต่ข้อกล่าวหานี้ยังเป็นเงามืดที่รอเวลาทาบทับเขาในวันที่เขากำลังพบกับแสงสว่าง 

ในปี 2017 สมาคมซอฟต์บอลแห่งเกาหลี สั่งห้ามเขาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและเอเชียนเกมส์ ขณะที่เคบีโอระบุว่าจะไม่ให้เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติตามที่เล่าไปข้างต้น โดยให้เหตุผลว่าการคัดเลือกนักกีฬาจะคำนึงถึงความหมายเชิงสัญลักษณ์ ความรับผิดชอบ และราคามาที่มาพร้อมกับการเป็นตัวแทนของประเทศ

สาธารณะชนยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อรู้ว่าบทลงโทษสำหรับอันอูจินคือ การทำงานอาสาสมัคร 5 ชั่วโมง และการเขียนขอโทษเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นโทษที่เบาเกินไป แต่ทนายความของอันให้สัมภาษณ์ว่า การตัดสินใจแบนเขาจากทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาตินั้นเป็นการลงโทษที่รุนแรงแล้ว และ "เขาเจอช่วงเวลาที่ยากลำบากหลังถูกมองเป็นปีศาจร้ายในโรงเรียน" 

ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของราคาที่คนดังเกาหลีต้องจ่าย เมื่อพฤติกรรมบูลลี่ในอดีตตามหลอกหลอนพวกเขาในวันที่มีชื่อเสียง 

 

อ้างอิง:

asianjunkie

koreajoongangdaily

lovekpop95

wegreenkw

koreaboo

wheninmanila

mb

nytimes