31 ก.ค. 2568 | 13:14 น.
KEY
POINTS
“ผมว่าศิลปะไม่จำเป็นต้องมี KPI แค่ทำให้คนมีความสุขก็พอแล้ว”
ประโยคเรียบง่ายแต่หนักแน่นนี้ ออกจากปากของ ‘วีระชัย ปรานวีระไพบูลย์’ หรือ ‘โกตี่’ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม ‘ภูเก็ตสเก็ตเชอร์’ (Phuket Sketchers) กลุ่มนักวาดที่เติบโตจากกิจกรรมวาดภาพในเมือง จนกลายเป็นชุมชนศิลปะเข้มแข็ง และล่าสุดที่ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน ‘Asia-Link Sketchwalk Phuket 2025’
ย้อนกลับไปเมื่อราวสิบปีก่อน โกตี่ เริ่มต้นกลุ่มโดยไม่มีทุน ไม่มีตำแหน่ง และไม่มีองค์กรรองรับ มีเพียงสมุด ปากกา และหัวใจที่อยากวาด
“ตอนแรกผมก็ไม่รู้จักอะไรหรอก เห็นคำว่า Urban Sketchers บนเน็ต ก็รู้สึกว่า เฮ้ย! วาดภาพจากสถานที่จริงเลยนะ แล้วดูมีชีวิตมาก เลยเริ่มคิดว่าภูเก็ตน่าจะมีแบบนี้บ้าง”
จากการจุดประกายทางความคิดนำไปสู่การรวมตัวของนักวาดหลากพื้นเพหลายวัย แต่มีจุดร่วมเดียวกัน นั่นคือ รักในการวาด และต้องการสะท้อนมุมมองต่อโลกผ่านปลายปากกา
ไม่ใช่ทุกคนที่วาดรูปเก่ง ไม่ใช่ทุกคนที่มีพื้นฐานศิลปะ โกตี่ เล่าว่าวันแรก ๆ ที่เริ่มรวมตัวกัน มีทั้งคนที่ไม่เคยจับพู่กันมาก่อน กับคนที่เคยวาดแต่อาจวางมือไปนานแล้ว
“ผมตั้งเพจ ‘ภูเก็ตสเก็ตเชอร์’ ขึ้นมา แล้วก็ชวนกันมาวาด บางคนไม่รู้จักกันมาก่อนเลย แค่เห็นกันในเฟซบุ๊ก แล้วก็มานั่งวาดด้วยกัน เริ่มจากตรงนั้น”
กิจกรรมที่พวกเขาทำ มีเพียงการ ‘นัด’ และ ‘นั่ง’ ไม่ได้มีอีเวนต์ ไม่ได้มีเป้าหมายทางเศรษฐกิจ ไม่มีใครพูดถึงคำว่า ‘ออร์กาไนซ์’ หรือ ‘คอมมูนิตี้อาร์ต’ แต่อย่างใด
“เราเริ่มจากการรวมตัวกันแค่เดือนละครั้ง แล้ววาดที่ไหนก็แล้วแต่สถานที่ที่เราสนใจ เช่น ตึกเก่า ร้านกาแฟ ตลาดเก่า วัด หรือแม้แต่ป่าชายเลน บางคนเอาเก้าอี้สนามมาเองด้วยนะ”
เมื่อมีเพจเฟซบุ๊ก คนในเมืองเริ่มรู้จักมากขึ้น บางคนที่ไม่ได้เข้าร่วมก็เริ่มติดตาม เริ่มชื่นชมมุมมองของนักวาดที่ไม่ใช่ศิลปินอาชีพ แต่มีสายตาเฉียบคม พวกเขาวาดภูเก็ตอย่างที่คนภูเก็ตเอง อาจไม่เคยมองมาก่อน
“บางคนวาดบ้านไม้เก่า ๆ แถวเมืองเก่า แล้วเจ้าของบ้านเข้ามาดู เขาก็รู้สึกดีมาก เขาไม่คิดว่าบ้านของเขาจะน่าสนใจขนาดนั้น มันเหมือนศิลปะเปลี่ยนวิธีที่เรามองเมืองตัวเอง”
กลุ่มเล็ก ๆ นี้ขยายตัวผ่านการบอกต่อ ปัจจุบันมีสมาชิกในกลุ่มกว่า 3,000 คน จัดกิจกรรมวาดอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เคยมีค่าสมัคร และไม่มีค่าใช้จ่าย
“ไม่มีบัญชีธนาคาร ไม่มีงบประมาณ ใครว่างก็ช่วย ใครสะดวกก็มา” เขาว่า
“ทุกคนเป็นสเก็ตเชอร์ได้” โกตี่ บอกอย่างมั่นใจ
เขาเห็นมากับตาว่า คนที่ไม่เคยจับดินสอ ยังสามารถกลายเป็นคนวาดที่เปี่ยมเสน่ห์ เพียงแค่มีใจเริ่มต้น
“บางคนเริ่มจากศูนย์เลย ผมก็บอกว่า วาดไปเถอะ ครบร้อยรูปยังไงก็เก่งขึ้นแน่นอน”
ภูเก็ตสเก็ตเชอร์ ไม่เคยมีการคัดเลือก ไม่ต้องโชว์พอร์ต ไม่ต้องมีพื้นฐาน คนวาดลายเส้นหยาบ ๆ อยู่ข้าง ๆ คนที่ถนัดสีน้ำ คนวาดในสไตล์ดิจิทัล นั่งวาดร่วมกับคนที่ใช้ปากกาเสียบปลอก เทคนิคการวาดเปิดกว้างทุกทาง ดินสอ ปากกา สีน้ำ ดิจิทัล หรือแม้แต่ ‘กิ่งไม้จุ่มหมึก’ ซึ่ง โกตี่ เล่าอย่างตื่นเต้นถึงศิลปินที่เคยพบในปีนัง ซึ่งใช้กิ่งไม้จุ่มหมึกวาดบนกระดาษ จนกลายเป็นลายเซ็นเฉพาะตัว
วิธีการอาจดูดิบ แต่ผลลัพธ์กลับทรงพลังเกินคาด
“มันไม่ต้องเนี้ยบ ไม่ต้องเหมือนจริง ขอแค่วาดจากสิ่งที่เห็น แล้วให้มันสะท้อนความรู้สึกตัวเอง”
สำหรับโกตี่ ความงามของภาพสเก็ตช์ไม่ใช่เรื่องฝีมือ แต่คือจังหวะของมือและใจที่สัมพันธ์กันขณะลากเส้น คือความไม่เหมือนที่บอกตัวตนของคนวาด
“การวาดไม่ได้แค่ทำให้เรามองเห็นเมืองชัดขึ้น แต่ยังทำให้เราได้พบคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”
ในการรวมตัวกันแต่ละครั้ง สมาชิกไม่ได้ถูกแบ่งโดยวัย อาชีพ หรือพื้นฐานศิลปะ บางคนเป็นเด็กมัธยม บางคนเป็นครูเกษียณ บางคนมาจากต่างประเทศ บางคนมาจากซอยข้างวัด
สิ่งเดียวที่ต้องมี คือปากกา ดินสอ หรือพู่กัน แล้วมานั่งข้างกัน
“มันมีความสุขมากนะ เวลาที่เรานั่งวาดด้วยกัน แล้วพอเสร็จก็เอามาเปิดให้ดูกัน เราได้เห็นว่าคนอื่นมองสถานที่เดียวกันยังไง ผ่านเส้น ผ่านสี ผ่านอารมณ์ บางทีมันทำให้เรารู้จักกันลึกมากกว่าคำพูดเสียอีก”
กิจกรรมที่ทำเป็นเสมือนการสร้างพื้นที่กลางของชุมชนศิลปะ เปิดกว้างและต้อนรับทุกคนอย่างไม่ตัดสิน ไม่เปรียบเทียบ
“เราย้ำเสมอว่า ไม่มีภาพไหนผิด ไม่มีใครวาดไม่ดี ทุกคนมีสายตา มีมือ มีหัวใจของตัวเอง งานของเขามีคุณค่าในแบบของเขา”
สิ่งที่น่าประหลาดใจ แม้จะไม่มีกรรมการ ไม่มีรางวัล ไม่มีการจัดประกวดแต่กลับมีผู้คนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลายคนเดินเข้ามาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่เมื่อได้วาดร่วมกัน ได้แบ่งปันกันชม รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม พวกเขาก็กลับมาอีก กลายเป็นเครือข่ายของผู้คนที่ไม่ได้ผูกพันกันด้วยผลประโยชน์ แต่ด้วยความรักในงานศิลปะที่ก่อตัวขึ้นอย่างมั่นคงภายในจิตใจ
“ผมคิดว่าคนเราต้องการพื้นที่แบบนี้ พื้นที่ที่ไม่ต้องแข่งขัน ไม่ต้องทำให้ดีที่สุด แค่ได้ทำร่วมกับคนอื่นอย่างมีความสุข”
“มันเหมือนกับเราได้นั่งนิ่ง ๆ อยู่กับสถานที่นั้น”
โกตี่ พูดถึงประสบการณ์การวาดภาพจากสถานที่จริง ไม่ใช่จากภาพถ่าย ไม่ใช่จากจินตนาการ แต่จากการเฝ้ามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มใจ และวาดมันลงไปอย่างช้า ๆ
“เราไม่ได้แค่มองผ่าน ๆ แบบเดินผ่านเฉย ๆ แต่เรามองแบบจะวาด สังเกตว่าตึกนี้สีอะไร มีเงาตรงไหน แสงมันตกยังไง คนเดินผ่านไปมายังไง”
การวาดแบบ urban sketching ไม่ใช่แค่การถ่ายทอดภาพภายนอก แต่เป็นการฝึกให้ใจ “อยู่กับปัจจุบัน” อย่างแท้จริง
“มันคล้ายกับการทำสมาธิเลยนะ ตอนที่วาด เราลืมเรื่องอื่นไปหมด ไม่ได้คิดเรื่องงาน เรื่องปัญหาอะไรเลย อยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า”
ในสายตา โกตี่ ศิลปะจึงไม่ใช่ ‘ทักษะ’ เท่านั้น แต่คือ ‘ทัศนะ’ ไม่สำคัญว่าคุณวาดเก่งหรือไม่ แต่สำคัญว่าคุณ “มองเห็น” อะไร
“ผมเคยเห็นเด็กที่วาดไม่สวยตามหลักศิลปะ แต่พอเรามาดูดี ๆ เขาวาดสิ่งที่ไม่มีใครวาด เช่น แก้วน้ำที่วางอยู่ตรงมุม หรือป้ายเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครสนใจเลย มันเหมือนเขามีสายตาของตัวเองจริง ๆ”
นั่นแหละคือหัวใจของ ‘เสน่ห์’ ในงานวาดของกลุ่มภูเก็ตสเก็ตเชอร์ ไม่ใช่ภาพที่สมบูรณ์แบบ แต่คือมุมมองที่จริงใจ
โกตี่ เชื่อว่า เมืองหนึ่งเมืองควรถูกชมผ่านเส้นสายลายมือของผู้คน ไม่ใช่จากการโปรโมต ไม่ใช่จากแผ่นพับท่องเที่ยว แต่จากภาพที่วาดโดยคนที่ ‘อยู่’ กับเมืองนั้นจริงๆ
“บางคนเคยบอกผมว่า พอได้ดูภาพวาดพวกนี้ เขาอยากกลับไปเดินในเมืองอีกครั้ง เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังมองเมืองไม่พอ”
“ผมว่าศิลปะที่ดี ไม่จำเป็นต้องบอกว่าดี แต่ทำให้คนมองสิ่งเดิม ๆ ด้วยสายตาใหม่ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
“ภูเก็ตมีอะไรให้วาดเยอะมาก” โกตี่กล่าวอย่างหนักแน่น ก่อนจะไล่เรียงสิ่งละอันพันละน้อยที่หลอมรวมเป็นเอกลักษณ์ของเมือง
จากอาคารโคโลเนียลที่เรียงรายในย่านเมืองเก่า ถึงถนนหนทางไปสู่ชายหาด จากผู้คนที่มีสำเนียงพูดท้องถิ่น ถึงอาหารที่ผูกโยงกับเรื่องราวและพิธีกรรม ภูเก็ตคือแหล่งวัตถุดิบทางศิลปะที่เข้มข้นและมีชีวิต
“บางคนไม่เคยมองว่าบ้านตัวเองสวย จนกระทั่งเห็นรูปวาดของใครสักคนที่มานั่งวาดบ้านหลังนั้น... ความรู้สึกมันเปลี่ยนเลยนะ”
ในมุมของ โกตี่ นั้น การได้เป็นเจ้าภาพ ‘Asia-Link Sketchwalk 2025’ คือการให้โอกาส ‘เมือง’ ได้สะท้อนตัวเองผ่านสายตาคนนอก และให้โอกาส ‘คนใน’ ได้มองบ้านของตัวเองด้วยมุมมองใหม่อีกครั้ง
ธีมของงาน Asia-Link Sketchwalk Phuket 2025 ถูกตั้งชื่อสั้น ๆ ว่า F.A.T.S. ฟังดูเหมือนคำแสลงหรือศัพท์วัยรุ่น แต่แท้จริงคือรหัสของความอุดมสมบูรณ์ในแบบภูเก็ต ซึ่งประกอบด้วย 4 แกนสำคัญ Food – Arts – Town – Sustainability
“ผมเคยทำโปรเจกต์ชื่อ FAT Phuket มาก่อน มันคือความพยายามจะเล่าว่าภูเก็ตมีอะไรเยอะ มีของดี ทั้งอาหาร ศิลปะ และชุมชนเมือง”
สำหรับโกตี่ ความ ‘แฟต’ ไม่ได้แปลว่า เยอะอย่างไร้ทิศทาง แต่คือการมองเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านมุมที่คนทั่วไปมองข้าม โดยเฉพาะอาหาร ซึ่งไม่ใช่แค่ของอร่อย แต่คือความทรงจำและรากเหง้า
“ภูเก็ตมีอาหารพิเศษที่เกิดจากวัฒนธรรม พิธีกรรม และความเชื่อที่ไม่เหมือนใคร บางอย่างต้องกินเฉพาะในโอกาสพิเศษเท่านั้น”
ธีม F.A.T.S. จึงไม่ใช่แค่คำสวยๆ บนป้ายงาน แต่เป็นคำเชิญให้ศิลปินจากทั่วโลกมองลึกลงไปในเนื้อแท้ของเมือง และวาดภาพที่ไม่เพียงสะท้อน ‘สิ่งที่เห็น’ แต่รวมถึง ‘ความหมาย’ ที่ฝังอยู่ในแต่ละจานอาหาร เส้นทาง และรอยยิ้มของผู้คน
ในโลกที่ศิลปะมักถูกดึงเข้าหาเป้าหมาย วัดผลด้วยยอดไลก์ หรือเรตติ้งของสื่อ โกตี่ กลับเลือกเดินอีกทาง ทางที่ไม่สนใจตัวเลข แต่เชื่อในพลังของ ‘ความสุข’
“ผมว่าศิลปะไม่จำเป็นต้องมี KPI แค่ทำให้คนมีความสุขก็พอแล้ว”
คำพูดที่ไม่ได้เป็นเพียงปรัชญาส่วนตัว แต่คือรากฐานของกลุ่ม ภูเก็ตสเก็ตเชอร์ กลุ่มที่ดำรงอยู่โดยไม่มีระบบจัดการ ไม่มีองค์กร ไม่มีบัญชีธนาคาร ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยน้ำใจของผู้คน และแรงบันดาลใจที่ส่งต่อกัน
“ไม่มีรายรับ ไม่มีค่าลงทะเบียน ใครช่วยอะไรก็ช่วยกันไป คนละไม้ละมือ มันเลยอยู่มาได้ยาวนาน โดยไม่มีเรื่องทะเลาะเลย”
เมื่อถามว่า คาดหวังอะไรจากการจัดงานครั้งใหญ่ระดับนานาชาติ โกตี่ ตอบสั้น ๆ “ไม่หวังอะไรเลยนอกจากความสุข ทั้งของคนวาด และคนดู”
ในระยะเวลาไม่ถึงสิบปี กลุ่มเล็ก ๆ ที่เริ่มจากนัดกันวาดภาพในเมืองร้อนริมทะเล ได้กลายมาเป็นเจ้าภาพของงานรวมตัวนักสเก็ตช์ภาพระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย สิ่งที่น่าทึ่ง ไม่ใช่แค่จำนวนคนวาดที่เพิ่มขึ้น หากคือ ‘พลัง’ ที่แผ่ออกไปสู่คนที่ไม่เคยวาดมาก่อน หรือไม่เคยรับรู้ถึงพลังของงานศิลปะ
ในแววตาของ โกตี่ มีแรงปรารถนาที่จะให้คนในภูเก็ตมองเห็นเมืองของตนเองในมุมใหม่ และให้ผู้มาเยือนได้ซึมซับความลึกซึ้งของสถานที่ ผ่านลายเส้นและจังหวะมือของผู้วาด
งาน Asia-Link Sketchwalk Phuket 2025 ช่วงระหว่างวันที่ 14-17 สิงหาคม 2568 จึงไม่ใช่งานของ ‘คนวาด’ เท่านั้น แต่คือพื้นที่ของ ‘คนดู’ ที่จะได้ร่วมแบ่งปันความรู้สึก เห็นสิ่งเดิมในมุมใหม่ และเชื่อมโยงกับศิลปะในแบบที่ไม่ต้องเข้าใจ… แต่รู้สึกได้
เพราะศิลปะที่ดีอาจไม่ใช่งานที่ถูกตีกรอบแขวนโชว์ในแกลเลอรี แต่คือการได้เดินผ่านใครบางคนที่กำลังนั่งวาดสิ่งที่ดูธรรมดาสามัญ ด้วยสายตาที่ไม่ธรรมดา
แล้วพบกันที่ภูเก็ต ในบรรยากาศงานที่อัดแน่นด้วยความหมายและเปี่ยมด้วยรอยยิ้มที่วาดด้วยใจ
เรื่อง: อนันต์ ลือประดิษฐ์