เอย์จิ อากะโสะ: ชายผู้มีเวทมนตร์ของคนน่ารัก

เอย์จิ อากะโสะ: ชายผู้มีเวทมนตร์ของคนน่ารัก

‘เป็นธรรมชาติ จิตใจดี อยู่ด้วยแล้วสบายใจ’ มักเป็นคำนิยามที่เหล่านักแสดงและผู้กำกับที่ได้ร่วมงานกับเอย์จิ อากะโสะ พูดถึงตัวเขาเสมอ นับเป็นเรื่องแปลกไม่น้อย เพราะไม่บ่อยนักที่จะมีนักแสดงที่โด่งดังขึ้นมาด้วยชื่อเสียงในความอ่อนโยน

ความนุ่มฟูที่ช่วยเยียวยาจิตใจคนรอบข้างแบบนี้ ซึ่งไม่ได้สร้างขึ้นมาง่าย ๆ แต่เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ ความคาดหวังและผิดหวังในตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเขาต้องต่อสู้จนสามารถก้าวข้ามมันไป และพร้อมจะแบ่งปันความรู้สึกดี ๆ ให้กับทุกคน

จากเด็กอนุบาลห้องดอกทิวลิปสู่เอย์จิ อากะโสะ

เอย์จิ อากะโสะ (Akaso Eiji) เกิดวันที่ 1 มีนาคม 1994 เนื่องด้วยอาชีพของคุณพ่อทำให้เอย์จิต้องไปอยู่ที่วิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ จนกระทั่ง 4 ขวบจึงได้ย้ายกลับมายังประเทศญี่ปุ่น

เอย์จิเผยว่าเริ่มรู้สึกชอบการแสดงออกตั้งแต่ตอนเด็กตั้งแต่วันแรกที่เข้าอนุบาล วันนั้นเขาต้องไปถ่ายภาพกับเพื่อนร่วมชั้นทั้งหมด แต่อยู่ ๆ เขาก็ถอดเสื้อนอกออกเหลือเป็นเสื้อสีขาว ในขณะที่เด็ก ๆ คนอื่นใส่ชุดนักเรียนสีฟ้า แถมยังทำท่ายกนิ้วโป้งขึ้นตอนถ่ายรูปด้วยสีหน้าภูมิใจที่ตัวเองโดดเด่นที่สุดในภาพอยู่คนเดียว เอย์จิบอกว่า พ่อแม่ของเขาและครูไม่ค่อยพอใจนักที่เขาทำตัวแปลกแยกจากคนอื่น แต่ยังดีที่ตอนนั้นผู้อำนวยการโรงเรียนกลับชมเขาว่าดีซะอีกที่สามารถแสดงความเป็นตัวเองได้อย่างนี้ ซึ่งนั่นก็เป็นเหมือนแรงสนับสนุนแรกที่ทำให้เขามีทุกวันนี้

ในช่วงวัยรุ่นเขาเริ่มต้นด้านวงการบันเทิงด้วยการเป็นนายแบบ สังกัด FORM JAPAN โดยใช้ชื่อ มาโมรุ อากะโสะ (赤楚 衛) และเข้าร่วมกลุ่มไอดอล BOYS AND MEN ในนาโกย่า เมื่อปี 2010 ก่อนจะออกจากกลุ่มในปี 2011 เมื่อเขารู้สึกว่าตัวเองน่าจะชอบการเป็นนักแสดงมากกว่า เพราะรู้สึกหลงใหลในภาพยนตร์เนื่องจากที่บ้านของเขามักจะไปชมภาพยนตร์กันเป็นประจำ

“ผมอยากเป็นนักแสดงตั้งแต่เด็กแล้วครับ ที่บ้านผมจะมีธรรมเนียมไปดูหนังด้วยกันเดือนละครั้งพร้อมกันทั้ง 4 คน (พ่อแม่ และน้องชาย) และตั้งแต่ตอนนั้นเองผมอยากที่จะเข้ามาสู่โลกภาพยนตร์”


ในปี 2013 เอย์จิชนะรางวัล Grand Prix ในการประกวดนายแบบของ Samantha Thavasa ซึ่งความโดดเด่นของเขาไปเข้าตา CEO ของ Tristone Entertainment บริษัทต้นสังกัดของเขาในปัจจุบัน ซึ่งชวนเขาย้ายสังกัดในปี 2015 จนได้มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกับนักแสดงดังมากมายอย่าง ชุน โอกุริ, เคย์ ทานากะ และ เคนทาโร่ ซาคากุจิ และได้ใช้ชื่อ เอย์จิ อากะโสะ จนถึงปัจจุบัน โดยถ้าเป็นแฟน ๆ จากจีนและไต้หวันจะเรียกเขาว่า ฉูฉู่เว่ยเอ้อร์ ซึ่งเป็นคำอ่านตัวคันจิในภาษาจีน และแฟน ๆ เรียกชื่อเล่นว่า ฉู่ฉู่ ใกล้เคียงกับคำว่า chu ที่แปลว่าจุ๊บ ๆ

เข้าวงการ J-Hero
ก่อนที่จะมาขโมยหัวใจสาว ๆ ด้วยรอยยิ้มสดใสบริสุทธิ์จากซีรีส์ Cherry Magic ในช่วงปลายปี 2020 จริง ๆ แล้วเอย์จิ อากะโสะ มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในหมู่แฟน ๆ ชาวไทยมานานแล้ว ตั้งแต่แสดงเรื่อง Kamen Rider Build (2017) ในบทบาท Kamen Rider Cross-Z / บันโจ ริวกะ หรือที่หนุ่ม ๆ แฟนไรเดอร์ เรียกชื่อไทยเขาว่า ‘บรรจง’
เส้นทางการมาเป็นฮีโร่ขวัญใจคนญี่ปุ่นและผู้ชมทั่วโลก เอย์จิเล่าว่าจุดเริ่มต้นเกิดจากการที่คุณปู่ของเขาซื้อเข็มขัดแปลงร่างของ Kamen Rider Kuuga (2000) มาให้เขา เขาจึงใฝ่ฝันที่จะเป็นคาเมนไรเดอร์มาตลอด และโอกาสของเขาก็มาถึงในปี 2017 เขาได้รับเลือกให้แสดงบทสมทบใน Kamen Rider Amazons (Season 2; 2017) ในบท ฮิโรกิ นางาเสะ ซึ่งแม้จะมีบทไม่มาก แต่เขาก็แสดงออกมาได้ดี จนถูกใจผู้กำกับ ริวตะ ทาซากิ หลังจากแสดงภาค Amazons จบไป 3 เดือน เอย์จิ อากะโสะ ก็ได้รับการติดต่อให้ไปออดิชัน Kamen Rider Build ซึ่งเขาได้รับการคัดเลือกเป็นบันโจ ริวกะ และได้รู้ตัวเอาวันเปิดกล้องว่า ผู้กำกับ ริวตะ ทาซากิ เป็นผู้กำกับในสองตอนแรกนั่นเอง

“ผมได้มาแสดงเพราะผ่านการทดสอบ แต่ผมไม่คิดเลยครับว่าจะได้มาแสดงต่ออย่างรวดเร็วแบบนี้ และการได้เจอทาซากิซังอีกครั้งในกอง ผมก็ตกใจและเซอร์ไพรส์มาก เมื่อเขามาทักว่า แหม! หนีกันไม่พ้นเลยนะ”

ริวตะ ทาซากิ มาเปิดเผยในภายหลังว่าเขาต้องการนักแสดงมาเล่นบทขั้วตรงข้ามของ คิริว เซนโตะ Kamen Rider Build ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะ มี IQ สูงที่สุดในหมู่ไรเดอร์ยุคเฮเซ ดังนั้นถ้าเซนโตะมีจุดเด่นที่สมอง บันโจจะต้องเป็นมนุษย์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังกล้ามเนื้อ แต่ในขณะเดียวกันบทนี้จะมีการเติบโตที่คาดไม่ถึง ซึ่งเอย์จิที่ดูใสซื่อแต่ในใจคิดอะไรไม่มีใครรู้ เหมาะมากกับบทนี้

บันโจ ริวกะ เป็นบทบาทที่เอย์จิได้แสดงอารมณ์อันหลากหลาย เขาเป็นนักมวยผู้มีนิสัยเลือดร้อนโมโหง่าย และถูกเข้าใจผิดจากทุกคนว่าเป็นคนเลว เป็นฆาตกร จนถูกจับเข้าคุกและแหกคุกหนีออกมา เอย์จิเผยว่าเรื่องนี้มีฉากแอคชั่นเยอะ จึงพยายามฝึกร่างกายให้พร้อมต่อสู้ แต่อย่างไรก็ตาม การเป็นนักมวยให้สมจริงมันก็ยังยาก เขาได้เรียนรู้การบริหารร่างกายช่วงล่าง การออกสเต็ป การเตะ และต่อย รวมถึงการใช้แรงเหวี่ยงจากสะโพกเพื่อให้ท่าต่อยนั้นดูมีพลัง

Kamen Rider Cross-Z ที่เอย์จิรับบทนั้นติดอันดับการสำรวจความนิยมในอันดับต้น ๆ เสมอ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นพระเอกของเรื่อง และเอย์จิ อากะโสะได้ครองตำแหน่งนักแสดง Kamen Rider คนแรก ที่ได้กลับมาแสดงถึง 3 ครั้งติดต่อกันในโปรดักชันยุคเฮเซ (Amazons, Build และ Kamen Rider Zi-O)
แม้บทบาทบันโจจะเป็นที่รักของทุกคน แต่สำหรับเอย์จิแล้ว เขากลับคิดว่า ตัวเขาไม่ค่อยเหมือนบันโจสักเท่าไร

“ผมไม่ได้โกรธง่ายแบบเขาครับ เขาเป็นคนหุนหันพลันแล่น แต่สิ่งที่ผมคิดว่าเหมือนนั่นคือ เราทั้งคู่เป็นคนซื่อสัตย์ บันโจ ริวกะ เป็นคนที่เผชิญหน้ากับทุกอย่างด้วยความจริงใจ ซึ่งผมคิดว่าตัวผมเองก็เป็นแบบนั้นครับ”

คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง

โรคแพ้ผลไม้ ถ้าบอกใครแล้วอาจจะดูตลก แต่สำหรับเอย์จิ อากะโสะแล้ว การที่เขาแพ้ผลไม้ รวมถึงแพ้สิ่งอื่น ๆ รวมทั้งหมดถึง 52 ชนิด!! ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น อัลมอนด์ วอลนัท งา เส้นโซบะ กระเทียม แคร์รอต การแพ้เยอะขนาดนี้นี่ขำไม่ออกเลย เพราะมันสร้างความยากลำบากในการดำรงชีวิตและการทำงานของเขาอย่างมาก โดยเฉพาะการแสดงที่จะต้องกินอาหารต่าง ๆ

เรื่องอาการแพ้สุดแปลกนี้เอย์จิเคยเล่าให้เพื่อน ๆ ที่ร่วมแสดง Kamen Rider Build ฟังว่า เขาแทบจะกินผลไม้ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น พีช แอปเปิล กีวี ส้ม เมลอน แตงโม เลมอน หรือจะเป็นสตรอว์เบอร์รี ผลไม้ที่เขาชื่นชอบมากที่สุด ซึ่งไม่กินเลยมากว่า 10 ปีแล้ว เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาได้กินคือตอนเรียนมัธยมฯ เพื่อนร่วมห้องเอาช็อกโกแลตวาเลนไทน์มาให้ ซึ่งมีไส้สตรอว์เบอร์รีอยู่ด้วย ผลปรากฏว่าหลังจากที่เขากินเข้าไปแล้ว เขาต้องไปโรงพยาบาลทันที เนื่องจากมีอาการหน้าซีดขาว และหายใจไม่ออก

เมื่อแพ้เยอะขนาดนี้ เขาจึงตัดสินใจรักษา เมื่อปี 2019 โดยเผยแพร่ขั้นตอนการรักษาผ่านรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง ซึ่งใช้วิธีการ Histamine/ImmunoglobulinTherapy ต้องมาฉีดยาลดการแพ้อย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ซึ่งเมื่อผ่านไป 1 ปีเต็ม พบว่าผลการรักษาเป็นไปด้วยดี สามารถลดจำนวนสารที่ทำให้แพ้ไปได้ 26 ชนิด จากเดิม 52 ชนิด ซึ่งเขาจะต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่องต่อไป 3 - 5 ปี เพื่อให้อาการไม่กลับมาเป็นอีก และต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้อย่างรุนแรง เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเริ่มมีภูมิต้านทานแล้ว แต่หากไปรับประทานในจำนวนมาก อาจจะทำให้แพ้มากกว่าเดิม

Cherry Magic เวทมนตร์เปลี่ยนชีวิต

หลังจากจบภารกิจ Kamen Rider Build ชีวิตของเอย์จิก็มาถึงช่วงที่เขาเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง รู้สึกแย่กับชีวิต เพราะหลังจากนั้นแม้เขาจะมีงานละครโทรทัศน์อยู่ต่อเนื่อง แต่ก็เป็นเพียงบทสมทบแบบมาเล่นตอนเดียวจบ แม้จะได้บทนำของเรื่องบ้าง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเหล่านี้มันไม่ใช่ ประกอบกับในช่วงนั้นสถานการณ์โควิด-19 เริ่มระบาดหนัก ตั้งแต่ปลายปี 2019 ทำให้งานของเขาเริ่มลดน้อยลงไป

“สำหรับตัวผมเองมันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ผมได้อยู่บ้านมากกว่าหนึ่งเดือน เมื่อมีการประกาศสภาวะฉุกเฉิน จริง ๆ แล้วในช่วงเวลานั้นผมกังวลเรื่องการแสดงของผมตลอดเวลา และมีช่วงเวลาที่ผมเกลียดตัวเอง เพราะแม้ว่าผมจะทำงานสำเร็จ ผมก็มักแต่จะบ่นด่าตัวเองว่า นี่มันยังไม่ดีพอ และผมก็เกลียดตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ

เวลาที่ผมไปออดิชัน มันมีช่วงเวลาที่ผมอิจฉาคนอื่น ๆ ที่เขาได้รับบทบาทนั้นไป ในขณะที่ผมไม่ได้ และผมก็เปรียบเทียบกับคนอื่นที่มีประสบการณ์มานาน แล้วก็น้อยใจว่าทำไมผมไม่ได้บท ผมเริ่มมาเป็นนักแสดงตอนอายุ 21 ปีแล้ว ผมดูคนอื่น ๆ ที่มีประสบการณ์ พวกเขาทั้งเก่งเรื่องการแสดงและมีความคิดที่ดีในแง่มุมต่าง ๆ ผมก็ได้แต่มาเสียดายว่าทำไมไม่เริ่มต้นให้เร็วกว่านี้”

เอย์จิรู้สึกแย่อยู่หลายเดือน จนกระทั่งเขาได้รับข้อเสนอให้แสดงนำเรื่อง Cherry Magic! Thirty Years of Virginity Can Make You a Wizard?! หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Cherry Magic (เชอร์รีเมจิค) ผลงานที่ดัดแปลงมาจากมังงะขายดีแนว BL (Boy’s Love) ของ อ.ยู โทโยตะ ซึ่งเขาได้รับบทบาท อาดาจิ คิโยชิ ตัวเอกของเรื่อง

แม้จะเป็นงานแสดงสาย BL ครั้งแรกของเอย์จิ ซึ่งเขาต้องมีความรักกับผู้ชาย แต่สำหรับเขาแล้ว เขารู้ว่าความรักก็คือความรัก ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกคน

“ผมคิดว่ามันไม่ต่างจากความรักระหว่างชายหญิงเลยนะครับ ผมคิดว่าโดยเนื้อแท้ของการตกหลุมรักนั้นไม่มีสิ่งใดที่แตกต่างกัน ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่าความเป็นเพื่อนไม่สามารถเปลี่ยนมาเป็นความรักได้ไม่ว่าจะเพศไหน จนกระทั่งความอ่อนโยนของคุโรซาวา ได้เข้ามาในใจของอาดาจิ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกต่าง ๆ เหล่านั้นขึ้นมา และสุดท้ายมันได้พัฒนามาเป็นความรัก และเมื่อผมได้มารับบทนี้ ผมก็เลยได้มาคิดว่าความรักและมิตรภาพนั้นบางทีแล้วอาจจะไม่ใช่สิ่งที่แยกจากกันโดยสิ้นเชิง”

และแล้วความทุ่มเทของเอย์จิ อากะโสะ ก็ทำให้เวทมนตร์ Cherry Magic! สะกดใจผู้ชมอยู่หมัด ซีรีส์ประสบความสำเร็จอย่างมาก มีแฟนคลับคอยติดตามชมทั่วเอเชีย เอย์จิได้รับคำชมว่าแสดงได้น่ารักอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นความตั้งใจของตัวเขาที่อยากให้ผู้ชมรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ โดยใส่พฤติกรรมการแสดงออกเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการเกาหลังและอ้าปากหาว ส่วนเรื่องการแสดงที่เข้าขากับ เคตะ มาจิดะ ผู้รับบทคุโรซาวา เพื่อนร่วมงานที่พัฒนาความสัมพันธ์จนเป็นคู่รักนั้น ทั้งคู่มีการปรึกษากันตลอด มีการกำหนดการส่งสัญญาณการต่อบทให้กันและกัน เพราะเรื่องนี้ต้องแสดงโดยไม่ใช้คำพูด แต่สื่อกันด้วยใจเยอะ

“เราได้คุยเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาความรู้สึกระหว่างตัวละครของเรา ตอนที่ผมรู้สึกว่ามันยาก ผมก็ปรึกษาเขาและแก้ปัญหาด้วยกัน เราก็พูดคุยกันเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากการแสดงด้วยนะ ผมมีความชอบหลาย ๆ อย่างที่เหมือนกับมาจิดะซัง ทั้งเรื่องเพลงโปรด งานอดิเรก ชีวิตครอบครัว และเราก็ยังเป็นคนชอบกินชาเหมือนกันเลยครับ” (หัวเราะ)

เอย์จิในแบบที่ไม่น่ารัก

แม้ว่าภาพลักษณ์ผู้ชายน่ารักจะทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากแค่ไหน แต่ในเรื่องของการแสดงแล้วเขาอยากให้ผู้คนจดจำเขาในหลาย ๆ รูปแบบ เขาให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่าเขาสนใจในภาพยนตร์ตะวันตก และมีไรอัน กอสลิ่ง เป็นนักแสดงในดวงใจ และอยากจะไปให้ถึงจุดนั้น แม้หน้าตาของเขาจะมีความน่ารักในแบบธรรมชาติ แต่ชีวิตส่วนตัวเขาก็ไม่ได้ใสแบ๊ว เขามีความสนใจเรื่องรถ และสนใจเกี่ยวกับวิสกี้ ที่เป็นกิจกรรมที่หลายคนมองว่าเป็นงานอดิเรกเหมือนกับพวกหนุ่มใหญ่ และถ้าไม่ได้เป็นนักแสดง เขาก็อยากจะทำงานเกี่ยวกับการขายรถ หรืองานที่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ

ผลงานหลังจาก Cherry Magic ของเอย์จิมีมากมายหลายแนวที่เขาพยายามจะไม่แสดงให้ซ้ำแนวกัน เช่น ภาพยนตร์เรื่อง The Great Yokai War: Guardians (2021) ที่เขารับบทปีศาจ อามาโนะจากุ ที่เขาเมคอัพหน้าตาแปลงโฉมจนแทบจำไม่ได้ และทำให้ผู้กำกับสายโหดอย่าง ทาเคชิ มิอิเกะ เอ่ยปากชมเพราะชอบการแสดงของเอย์จิมาก ๆ อีกทั้งยังเผยว่า ถ้าได้ร่วมงานกันอีกครั้ง อยากจะให้ลองรับบทคนโรคจิตเลือดเย็น และยังบอกว่าเอย์จิร้องเพลงได้ดี น่าจะไปเอาดีทางมิวสิคัลได้อีกด้วย

ส่วนผลงานทางด้านซีรีส์ เขาก็มีผลงานเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งการร่วมแสดง Cold Case Season 3 ตอนที่ 6 ที่เขารับบทเป็น โยสุเกะ ฮิรายามะ ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ถูกฆ่าตายจากเหตุล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาว, Uchi no Musume wa, Kareshi ga Dekinai!! (Date My Daughter!) รับบท ยูโตะ นักร้องหนุ่มเจ้าเสน่ห์, Kanojo wa Kirei datta หรือ She Was Pretty ที่รีเมคมาจากซีรีส์ดังของเกาหลี ซึ่งเขารับบทเป็นฮิกุจิ นักเขียนดังที่แอบมาทำงานในบริษัทนิตยสารแฟชั่น ซึ่งเป็นบทเดียวกับ ชเวซีวอน ศิลปินดังจาก Super Junior ซึ่งซีวอนก็ได้ทวีตเชียร์ตัวละครนี้เป็นภาษาญี่ปุ่น และเอย์จิก็ขอบคุณเป็นภาษาเกาหลีและญี่ปุ่นกลับไป

ทวีตการตอบกลับระหว่างเอย์จิกับซีวอน
https://twitter.com/akasoeiji/status/1423620567807135745

เอย์จิกลับมารับบทร่วมกับเคตะ มาจิดะอีกครั้งในซีรีส์เรื่อง Super Rich (2021) ซึ่งเขารับบทเป็น ยู ฮารุโนะ นักศึกษาหนุ่มที่ตกหลุมรักกับ CEO หญิงสุดไฮโซของบริษัททำหนังสือและสิ่งพิมพ์ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เขาได้แสดงฝีมือและรับบทบาทหลายช่วงอายุ ตั้งแต่วัยเพิ่งเริ่มทำงานจนถึงแต่งงานมีครอบครัว

เอย์จิรับบทที่ท้าทายขึ้นในซีรีส์แนวดราม่าทริลเลอร์เรื่อง Hiru (2022) ที่รับบทเป็น ยูกิ ชิโนมิยะ ชายผู้โดน ‘ปลิง’ หรือกลุ่มคนไร้บ้านแย่งชิงตัวตนและที่พักอาศัยไป และร่วมแสดงในซีรีส์คอมเมดี้แนวกฎหมายเรื่อง Ishiko to Haneo: Sonna Koto de Uttaemasu? (2022) ซีรีส์รวมคดีอิหยังวะ ที่เขาแสดงเป็นอาโอะ ชายที่ถูกฟ้องเพราะไปชาร์จแบตเตอรี่ในคาเฟ่

ก้าวต่อไปในระดับอินเตอร์

แม้ว่า Cherry Magic จะทำให้เขาเป็นที่รู้จักในระดับเอเชียแล้ว แต่ผลงานที่น่าตื่นเต้นและจะพาเขาไปสู่ในระดับอินเตอร์คือภาพยนตร์ที่จะเผยแพร่ทาง Netflix เรื่อง Zom 100: Bucket List of the Dead ที่ดัดแปลงจากมังงะของ ฮาโระ อาโสะ (ผู้แต่ง Alice in Borderland) ภาพโดย โคทาโร่ ทากาตะ จาก ร็อคซ่าส์ใสหัวใจเกินร้อย Hallelujah Overdrive! หนังได้ ยูสุเกะ อิจิดะ มาเป็นผู้กำกับ

เอย์จิรับบทเป็น อากิระ เทนโด ชายหนุ่มที่ทุกข์ทนกับงานในบริษัทแสนกดขี่ เมื่อโลกตกอยู่ในภาวะซอมบี้ระบาด เขากลับดีใจเหมือนสวรรค์โปรดที่ไม่ต้องไปทำงาน เลยลิสต์ 100 ข้อที่อยากทำก่อนตัวเองจะตายและใช้พลังคิดบวกต่อสู้กับวิกฤตร้าย มังงะมีแปลไทยแล้ว 3 เล่ม ซึ่งเขาได้ร่วมเปิดตัวใน Geeked Week งานเผยโปรเจกต์หนังและซีรีส์ใหม่ของ Netflix และให้สัมภาษณ์ว่า
“อากิระเป็นคนที่คิดบวกอย่างแท้จริง ซึ่งทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างซื่อตรง คาแรคเตอร์ของเขาเปล่งประกายมาก ในแต่ละวันผมสนุกมากที่ได้รับบทเป็นเขา ผมคิดว่าแฟนคลับจากทั่วโลกจะสนุกไปกับมันเช่นกัน คุณจะได้หัวเราะและจะทำให้คุณมีวันที่สดใสขึ้น แม้กระทั่งคนที่กลัวหนังซอมบี้ก็ดูเรื่องนี้ได้ช่วยกันติดตามว่าอากิระจะเอาตัวรอดยังไงด้วยพลังคิดบวกด้วยครับ มันเป็นหนังซอมบี้ที่ดูแล้วจะทำให้คุณเบิกบานใจครับ”

หนังมีกำหนดเผยแพร่ในปี 2023 หลังจากเอเชียได้คลั่งไคล้เอย์จิไปแล้ว คาดว่าคราวนี้ทั้งโลกจะต้องหันมาจับตาดูเขาแน่นอน

เรื่อง: เพจ ผู้ชายคนนั้นจากหนังเรื่องนี้


อ้างอิง:
Eiji Akaso Ryuga Banjou Fanpage
https://www.facebook.com/1499816316776424/posts/1736558576435529