Take Me Home, Country Roads: เพลงกลับบ้าน ที่ก่อนแต่งเพลงนี้ คนแต่งไม่เคยไปเวสต์เวอร์จิเนีย

Take Me Home, Country Roads: เพลงกลับบ้าน ที่ก่อนแต่งเพลงนี้ คนแต่งไม่เคยไปเวสต์เวอร์จิเนีย
“Almost heaven, West Virginia” “เกือบจะเป็นสวรรค์แล้ว, เวสต์เวอร์จิเนีย”   สำหรับคนที่กำลังขับรถเดินทางกลับบ้าน ไม่ว่าจะเป็นยุคเทปคาสเซ็ท ยุคซีดี ไปจนถึงยุคสตรีมมิง หากได้ยินท่อนเปิดเพลงนี้อย่าง “Almost heaven, West Virginia” อาจจะทำให้หลายคนเกิดความรู้สึกอยากกลับบ้านไปกลับเพลงนี้ - Take Me Home, Country Roads เพลงสไตล์คันทรีที่ขับร้องโดยเสียงนุ่ม ๆ ของจอห์น เดนเวอร์ ที่แม้ในเนื้อหาเพลงจะพาคนฟังกลับไปที่เวสต์เวอร์จิเนีย แต่ความหลากหลายในการตีความ อาจจะทำให้แต่ละคนคิดถึง ‘ทางกลับบ้าน’ ของตนเอง ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป ก็แน่หละ ‘บ้าน’ ในหัวใจของแต่ละคน ย่อมแตกต่างกัน... แต่ที่น่าสนใจของเพลงชาติของคนอยากกลับบ้าน Take Me Home, Country Roads อย่างหนึ่งก็คือ แม้ว่าเนื้อหาของเพลงจะอยู่เป็นเพื่อนผู้ฟัง-คนอยากกลับบ้านสะสมรวมกันคงเป็นหลายล้านไมล์ และเดินทางข้ามเวลาจนกลายเป็นเพลงที่หลายคนรู้จักมานับ 50 ปี ก่อนที่เพลงนี้จะถูกปล่อยให้ทุกคนฟังในปี 1971 แม้ว่าเนื้อเพลงจะพูดถึงเวสต์เวอร์จิเนีย แต่ก่อนแต่งเพลงไม่เคยเดินทางไปสถานที่แห่งนี้มาก่อน... . Almost heaven, West Virginia Blue Ridge Mountains, Shenandoah River Life is old there, older than the trees Younger than the mountains, growin' like a breeze (เกือบจะเป็นสวรรค์แล้ว, เวสต์เวอร์จิเนีย ภูเขาบลูริดจ์และแม่น้ำเชนันโดอาฮ์ ชีวิตที่ชราที่นั่น ชรากว่าต้นไม้ แต่เยาว์วัยกว่าขุนเขา และเติบโตดั่งสายลม)   ก่อนวันที่ 12 เมษายน 1971 ที่เพลง Take Me Home, Country Roads จะลืมตาดูโลก บนถนนคลอปเปอร์ที่ทอดยาวในแมรีแลนด์ นักดนตรีคู่รักชายหญิง บิล ดานอฟ (Bill Danoff) และ แทฟฟี ไนเวิร์ต (Taffy Nivert) ขับรถไปพลางร้องเพลงไปพลางตามประสาคนมีดนตรีในหัวใจ ทั้งสองคนมุ่งหน้าหมายจะกลับบ้านที่เมือง Gaithersburg (ชื่อเมืองแห่งหนึ่งในแมรีแลนด์) ไปรวมตัวพบปะกับครอบครัวของแทฟฟี แต่การร้องเพลงคลอไปกับวิทยุอาจจะธรรมดาเกินไปสำหรับทั้งคู่ บิลผู้บังคับพวงมาลัยจึงเกิดความคิดฆ่าเวลาด้วยการฮัมดนตรีขึ้นมา จากโน้ตตัวแรกค่อยปะติดปะต่อจนกลายเป็นเพลงใหม่เพลงหนึ่ง แล้วเวลาบนท้องถนนสายยาวก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว กว่าจะรู้ตัวอีกที ทั้งบิลและแทฟฟีก็ถึงบ้านพร้อมกับเพลงที่พวกเขาได้เขียนขึ้น ระหว่างทางกลับบ้าน มันกลายเป็นเพลงที่แต่งขึ้นโดยคนเดินทางกลับบ้าน และเพื่อคนเดินทางกลับบ้านที่แท้จริง กับเพลง Take Me Home, Country Roads   การเดินทางทิพย์ไปเวสต์เวอร์จิเนีย งดงามประหนึ่งแดนสวรรค์ ดังที่เราทราบจากการฟังเพลงนี้ ในเนื้อเพลง Take Me Home, Country Roads มีคำว่าเวสต์เวอร์จิเนีย แถมยังมีชื่อสถานที่ทั้งภูเขา (Blue Ridge Mountain) และแม่น้ำ (Shenandoah River) ที่ตั้งอยู่ในรัฐนี้ เนื้อเพลงได้พูดถึงความสวยงามของดินแดนนี้ว่าเป็นดั่งสวรรค์ ทำให้ Take Me Home, Country Roads กลายเป็นเพลงแนะนำการท่องเที่ยวของรัฐนี้ไปในที่สุด จนทำให้ในปี 2014 สภานิติบัญญัติของเวสต์เวอร์จิเนียมีมติเห็นชอบอนุมัติให้เพลงนี้เป็นเพลงประจำรัฐเวสต์เวอร์จิเนียเคียงคู่กับเพลงอื่นอีก 3 เพลง อันได้แก่ The West Virginia Hills ของ Ellen King และ H.E. Engle, This is my West Virgnia ของ Iris Bell, และ West Virginia, My Home Sweet Home ของ Julian G. Hearne, Jr.  แถมเพลงนี้ยังถูกวางให้เป็นเพลงที่ใช้ในการโปรโมทการท่องเที่ยวเวสต์เวอร์จิเนียตั้งแต่ปี 2017 (จวบจนถึงปี 2021 ก็ยังคงใช้เพลงนี้อยู่) แต่อย่างที่เล่าให้ฟัง เพลง Take Me Home, Country Roads ทั้งเพลงถูกเขียนขึ้นตอนที่นักแต่งเพลงทั้งสอง บิลและแทฟฟีอยู่บนถนนในแมรีแลนด์และขับรถมุ่งหน้าไปยังเมืองอีกเมืองหนึ่งในรัฐแมรีแลนด์ มิได้มีจุดหมายจะไปเวสต์เวอร์จิเนียแต่อย่างใดเลย แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนจะมาเป็นคำว่า ‘เวสต์เวอร์จิเนีย’ เนื้อเพลงนี้ในตอนแรกเกือบจะเป็นชื่อ ‘แมสซาชูเซตส์’   เลี้ยวซ้ายไปเวสต์เวอร์จิเนีย เลี้ยวขวาไปแมสซาชูเซตส์ เลยเลี้ยวซ้ายดีกว่า เรื่องเล่าระหว่างทางก่อนที่เพลง Take Me Home, Country Roads จะเสร็จสิ้น จุดเริ่มต้นของเพลง Take Me Home, Country Roads เกิดที่รัฐแมรีแลนด์ จากที่นี่ขับรถไปเรื่อย ๆ ดูตามแผนที่สหรัฐอเมริกา หากคุณเลี้ยวซ้ายคุณจะไปเวสต์เวอร์จิเนีย หากเลี้ยวขวาขึ้นเหนือคุณจะไปถึงแมสซาชูเซสต์ ตอนที่เขียนเพลงนี้ บิลกับแทฟฟี กำลังลังเลใจว่าจะพาเพลงนี้ ‘กลับบ้าน’ ที่ไหนดี เพื่อลงกับร่องเสียงของเพลง ทั้งคู่พยายามหาชื่อรัฐที่มี 4 พยางค์เพื่อจะได้เข้ากับโน้ตและห้องเพลงที่วางเอาไว้ ในใจของทั้งคู่มีชื่อเข้ารอบอยู่สองรัฐคือ เวสต์เวอร์จิเนีย กับแมสซาชูเซสต์ หากดูตามแผนที่คือ กำลังลังเลอยู่ว่า จะเลี้ยวซ้ายหรือขวาดี พอถึงทางสามแยกในการแต่งเพลงนี้ ถึงจุดการตัดสินใจสุดท้าย พวกเขาทั้งคู่ก็ตัดสินใจเลี้ยวซ้ายไปที่เวสต์เวอร์จิเนียร์ เพราะบิลคิดว่าเสียงคำว่า “แมส-ซา-ชู-เซสต์” มันฟังดูไม่ค่อยเหมาะกับเพลงนี้เท่าไหร่ แถมวงดังอย่าง Bee Gees ก็มีเพลงฮิตที่ใช้คำว่าแมสซาชูเซสต์แล้วด้วย ในเพลง Massachusetts   Country roads, take me home To the place I belong West Virginia, mountain mama Take me home, country roads (ถนนสายชนบทเส้นนี่แหละ ที่นำพาฉันกลับบ้าน บ้านที่ ๆ เป็นถิ่นของฉัน เวสต์เวอร์จิเนีย แดนแห่งพระแม่ขุนเขา พาฉันกลับบ้านที ถนนสายชนบทนี้)   เพลงที่ถูกลิขิตไว้ให้คนชื่อจอห์น(นี)? เมื่อบิลและแทฟฟีเขียนเพลง Take Me Home, Country Roads แบบยังไม่เสร็จสมบูรณ์เพราะเนื้อร้องและดนตรียังขาดไปอีกท่อนหนึ่ง บิลพลางคิดในใจว่าเพลงนี้มันฟังดูน่าจะเหมาะกับสไตล์ของจอห์นนี แคช (Johnny Cash นักร้องนักแต่งเพลงคันทรีชื่อดังเจ้าของฉายา Man in Black - จากบุคลิกที่ดูขบถและเสื้อผ้าสีดำที่เขาชอบสวมใส่) เขาจึงคิดจะเก็บเพลงนี้ไว้ไปเสนอให้กับจอห์นนี ทั้ง ๆ ที่เขากับจอห์นนีไม่ได้รู้จักกันเลยในตอนนั้น แล้วโชคชะตาก็เลี้ยวไปมาไม่ต่างจากชื่อรัฐที่พวกเขาเลือกใส่ในเนื้อเพลง ท้ายที่สุดแล้ว ดูเหมือนโชคชะตาจะถูกลิขิตไว้ว่าเสียงที่จะพาให้คนทุกคนได้กลับบ้านผ่านถนนแบบคันทรีต้องเป็นเสียงของอีกจอห์นหนึ่ง นั่นคือ จอห์น เดนเวอร์ (John Denver) นั่นเอง ทั้งบิลและแทฟฟีต่างเป็นนักดนตรี บิลมีวง Fat City เป็นของตัวเองและเขาได้เล่นเป็นวงเปิดให้กับจอห์น เดนเวอร์เป็นประจำ ทำให้บิลและแทฟฟีรู้จักกับจอห์นเป็นอย่างดี วันหนึ่งที่จอห์นแวะมาที่อะพาร์ตเมนท์ของบิลหลังจากที่โชว์จบลง แล้วประโยคที่นำพาเพลงฮิตที่สุดเพลงหนึ่งมาสู่ปากของจอห์นก็คือคำถามที่จอห์นถามบิลว่า “คุณมีเพลง (ใหม่) บ้างไหม?” แทฟฟีได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยปากบอกบิลแฟนหนุ่มของตนเองให้เล่นเพลง Take Me Home, Country Roads ให้จอห์นฟัง แรกเริ่มบิลคิดว่าจะไม่เล่นเพลงนี้ให้จอห์นฟังเพราะนอกจากมันจะดูคันทรีจนเกินไปสำหรับจอห์นแล้ว เขาก็อยากจะเก็บเพลงนี้ไว้ให้จอห์นนี แคช มากกว่า “ตอนนั้นจอห์นนี แคช มีรายการทีวีโชว์แถมยังเป็นดาราดัง ผมคิดว่าถ้าผมสามารถเอาเพลงนี้ให้จอห์นนี แคชได้ ผมก็สำเร็จแล้วล่ะ” บิลให้สัมภาษณ์ในปี 2014 กับเว็บไซค์ของมหาวิทยาลัย West Virginia University จอห์นนี แคชอาจจะเป็นดาราดังแต่จอห์นเดนเวอร์อยู่ตรงหน้าแล้ว แทฟฟีเองก็เลยยืนกรานบอกบิล แฟนหนุ่มของตัวเองว่าให้ร้องเพลงนี้ให้จอห์นฟังตอนนี้เลย และเมื่อจอห์นได้ฟังเพลงนี้ (ในแบบที่ทันยังไม่สมบูรณ์) จอห์นก็รู้ทันทีว่า นี่แหละเพลงที่จะเป็นเพลงฮิต! หลังจากที่บิลร้องจบ จอห์นเอ่ยปากชวนบิลและแทฟฟีในทันทีให้ร่วมอัดเพลงนี้ด้วยกัน แล้วทั้งสามคนก็ใช้เวลาในคืนนั้นจนถึงหกโมงเช้าช่วยกันแต่งเพลงท่อนที่เหลือให้สมบูรณ์ ในเพลง Take Me Home, Country Roads เราจึงได้ยินเสียงของบิลและแทฟฟีเป็นเสียงคอรัสประสานเป็นแบคกราวน์ให้กับเสียงร้องนำของจอห์น เดนเวอร์  เพลง Take Me Homes, Country Roads ถูกเผยแพร่เป็นครั้งแรกในปี 1971 เคยขึ้นอยู่ที่อันดับสูงสุดในบิลบอร์ดคืออันดับที่สอง แต่กาลเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า เพลงนี้คือเพลงอันดับหนึ่งสำหรับคนที่คิดถึงและอยากเดินทางกลับบ้าน แม้กาลเวลาอาจจะผ่านไป จนตอนนี้ถนนคลอปเปอร์ในแมรีแลนด์ที่เคยเป็นถนนชนบทดินลูกรังกลายเป็นถนนทางเรียบ และวันนี้จอห์น เดนเวอร์จะไม่ได้อยู่กับเราบนโลกนี้แล้ว แต่เมื่อใดที่เสียงเพลงนี้ดังก้อง ด้วยภาษาดนตรีที่เรียบง่ายจริงใจ บวกกับคำว่า “Take me home, country roads” (หรือแปลเป็นไทยแบบตรง ๆ ตัวคือ ถนนชนบทสายนี้ที่พาฉันกลับบ้าน) เสียงของจอห์เน เดนเวอร์กำลังนำพาคนนับล้านคนทั่วโลกให้รู้สึกเสมือนหนึ่งว่าพวกเขากำลังนั่งรถกลับบ้าน แม้ว่าบ้านที่พวกเขาจากมาจะไม่ใช่เวสต์ เวอร์จิเนียดั่งที่ปรากฏในเพลง… และแม้ว่า จอห์น บิล และแทฟฟี ตอนที่เขียนเพลงนี้พวกเขาต่างก็ไม่เคยไปและไม่เคยกลับบ้านที่เวสต์ เวอร์จิเนียเช่นกัน   ที่มา: http://www.wvculture.org/goldenseal/summer04/wvhills.html https://wvtourism.com/ https://www.wvnstv.com/news/west-virginia-tourism-office-obtains-rights-to-use-take-me-home-country-roads/ https://www.songfacts.com/facts/john-denver/take-me-home-country-roads https://wvusports.com/news/2014/1/29/24994_131465976649784385.aspx?path=general https://www.baltimoresun.com/features/baltimore-insider/bs-fe-take-me-home-20190416-story.html https://www.billboard.com/music/john-denver/chart-history/HSI/song/572598 https://www.britannica.com/biography/Johnny-Cash   เรื่อง: มณีเนตร วรชนะนันท์ ภาพ: จอห์น เดนเวอร์ จาก Gijsbert Hanekroot/Redferns/Getty Images