วง "เดอะ บีเทิลส์" ก่อนที่จะเป็นวงดังระดับโลก กับการฝึกฝนตัวเอง 10,000 ชั่วโมง

วง "เดอะ บีเทิลส์" ก่อนที่จะเป็นวงดังระดับโลก กับการฝึกฝนตัวเอง 10,000 ชั่วโมง

วง "เดอะ บีเทิลส์" ก่อนที่จะเป็นวงดังระดับโลก กับการฝึกฝนตัวเอง 10,000 ชั่วโมง

“ไวน์ชั้นดีต้องใช้เวลาบ่มเพาะมาอย่างยาวนาน” ก่อนที่เด็กหนุ่ม 4 คนที่อายุไล่เลี่ยกัน(19-22 ปี) จากเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ จะรวมตัวกันในชื่อวง “เดอะ บีเทิลส์” แล้วปล่อยงานเพลงชิ้นแรกของพวกเขาอย่างเพลง “Love Me Do” ในปี ค.ศ.1962 (พ.ศ.2505) ซึ่งได้รับความนิยมจนขึ้นชาร์ทเพลงในอันดับที่ 17 ของอังกฤษ ใครจะรู้เล่าว่า ในช่วงก่อร่างสร้างวง สมาชิกเริ่มต้นของวงอย่าง จอห์น เลนนอน (กีต้าร์, ร้องนำ) พอล แมคคาร์ทนีย์ (เบส, ร้องนำ) จอร์จ แฮร์ริสัน (กีต้าร์) และพีท เบสต์ (มือกลองในขณะนั้นก่อนที่จะเป็นริงโก สตาร์) ได้มีโอกาสเดินทางจากอังกฤษมาตามหาความฝันที่ภาคพื้นยุโรปด้วยการไปเล่นดนตรีตามคลับในเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี ในช่วงปี ค.ศ.1960-1962 ในหนังสือฮาวทูระดับเบสต์เซลเลอร์อย่าง “Outlier” ของมัลคอล์ม แกล็ดเวลล์ ผู้เขียนได้ตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่บ่มเพาะให้วงดนตรีวงนี้เล่นดนตรีอย่างเข้าขากันและรู้ว่าจะเล่นดนตรีสดต่อหน้าผู้คนมากมายอย่างไร? เพราะตลอดระยะเวลาปีกว่าๆ ที่ใช้ชีวิตในฐานะนักดนตรีอาชีพอยู่ที่เยอรมนี พวกเขาต้องเล่นดนตรีในคลับวันละ 8 ชั่วโมงติดต่อกันตลอดระยะเวลา 7 วันใน 1 สัปดาห์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการทำงานแล้ว ยังเป็นโอกาสให้พวกเขาได้ฝึกฝนตนเองอย่างหนัก ผู้เขียนหนังสืออย่าง มัลคอล์ม แกล็ดเวลล์ ได้วิเคราะห์อย่างละเอียดลออว่า ช่วงเวลาที่เขาเคี่ยวกรำวิชาดนตรีผ่านการแสดงสดแทบทุกวันในช่วงเวลานั้น หากนับดูแล้ว จะใช้เวลาไปประมาณ 10,000 ชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทำให้คนคนหนึ่งมีความชำนาญพอที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่บางอย่างขึ้นมาได้ (แกล็ดเวลล์ ได้เปรียบเทียบช่วงเวลาในการฝึกฝนตนเองของ “อัจฉริยะ” คนอื่นๆ ในประวัติศาสตร์โลก อย่างเช่น คีตกวีอย่าง โมสาร์ต ที่ฝึกการแต่งเพลงและเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก หรือบิล เกตส์ ซึ่งฝึกเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง เมื่อนับเวลาในการฝึกฝน คนเหล่านี้ใช้เวลาทำในสิ่งที่ตนถนัดไม่ต่ำกว่า 10,000 ชั่วโมง เช่นกัน) ด้วยชั่วโมงบินที่มากมายราว 10,000 ชั่วโมง จึงไม่น่าแปลกใจว่า ต่อมาจะทำให้พวกเขากลายเป็นวงดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลกในเวลาต่อมา หลังจากที่สมาชิกในวงถูกเปลี่ยนไปเล็กน้อย มือกลองอย่าง พีท เบสต์ ถูกแทนที่ด้วยริงโก้ สตาร์ พวกเขาเปิดตัวด้วยเพลง Love Me Do ซึ่งได้รับความสำเร็จพอประมาณ ทำให้ในปีต่อมา ปี ค.ศ. 1964 พวกเขาได้ออกอัลบั้ม Please Please Me ซึ่งเป็นอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของพวกเขา ในช่วง ค.ศ.1963-1970 วง “สี่เต่าทอง” มีผลงานออกมาทั้งสิ้น 12 อัลบั้ม ซึ่งแต่ละอัลบั้มประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น มีเพลงดังมากมายที่ผู้คนรู้จักกันทั่วโลก อย่างเช่นเพลง She Loves You, A Hard Day’s Night, And I Love Her, Eight Days a Week, Yesterday, In My Life, I Want to Hold Your Hand, Let It Be และอีกมากมายหลายเพลง ผลงานเพลงของ “เดอะ บีเทิลส์” ได้รับความนิยมและได้รับรางวัลมากมาย และสามารถขายได้มากกว่า 800 ล้านก๊อปปี้เมื่อรวมทั้งซีดีและการดาวน์โหลดทั่วโลก ซึ่งถือว่าเป็นวงดนตรีที่ขายงานได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ (เฉพาะในอเมริกา ผลงานเพลงของเดอะ บีเทิลส์ ขายได้มากถึง 178 ล้านแผ่น ซึ่งนับเป็นสถิติสูงสุดอันดับหนึ่งของอเมริกาเช่นกัน) ด้วยความสำเร็จเกินกว่าจะจินตนาการของวงเดอะ บีเทิลส์ ในวันนี้ บางที พวกเขาอาจจะต้องขอบคุณช่วงเวลาที่ทำงานหนักในตอนเริ่มต้นของการทำงานดนตรี ที่เคี่ยวกรำให้พวกเขายืนระยะบนเวทีการแสดงที่คลับในเยอรมนียาวนานถึง 10,000 ชั่วโมง จน “เดอะ บีเทิลส์ กลายเป็น “ไวน์ชั้นดี” ของโลกดนตรีที่ใช้เวลาบ่มเพาะมาอย่างเหมาะสม และงดงามเมื่อเปิดขวดชิม